บทคัดย่อ

             การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาระดับบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ ๒) เพื่อเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ ที่มี เพศ อายุ ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของโรงเรียน ต่างกัน และ ๓) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางการส่งเสริมบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ จำนวน ๑๓๒ คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Krejcie และ Morgan เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามประเภทคำถามปลายปิด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ, ค่าเฉลี่ย, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน, สถิติที (t–test), ค่า F–test และทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยรายคู่ตามวิธีการ LSD (Least Significant  Difference)

             ผลการวิจัยพบว่า

             ๑.  บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้     ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการให้ความสำคัญกับการทำวิจัยในชั้นเรียน            มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาคือ ด้านการให้ความยอมรับนับถือครูผู้ทำวิจัยในชั้นเรียน ส่วนด้าน          การส่งเสริมให้เกิดการดำเนินงานวิจัยในชั้นเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด  

๒.  ผลการเปรียบเทียบบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัย     เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒  ที่มี เพศ อายุ ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของโรงเรียน ต่างกัน พบว่า ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕

ดาวน์โหลด