บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ เรื่อง ศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธธรรม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับผู้สูงอายุ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ (1) เพื่อศึกษาผู้สูงอายุในเขตตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี (2) เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุ (3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมกับผู้สูงอายุในเขตตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี วิธีการวิจัยในครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาค้นคว้าเอกสารที่เป็นปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ที่เกี่ยวข้องและภาคสนามสัมภาษณ์ผู้สูงอายุแล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เรียบเรียง จัดทำเป็นรูปเล่มและนำเสนอเชิงพรรณนา
ผลจากการวิจัยพบว่า
๑) ผู้สูงอายุหรือผู้สูงวัย คือ ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ตามเกณฑ์ปลดเกษียณราชการ ปัญหาทางร่างกาย จิตใจ มีความอ่อนแอ การเจ็บป่วย และมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม ความต้องการและการตอบสนองของผู้สูงอายุ ก็คือ การดูแลเกี่ยวกับความจำเป็นบนพื้นฐาน เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีความสุขและมีกำลังใจ ไม่ท้อแท้ต่อการดำเนินชีวิตที่สำคัญส่งเสริมให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่โดดเดี่ยวกับการใช้ชีวิต เป็นอยู่ต่อไป ผู้สูงอายุในเขตตำบลขามใหญ่ ต้องการมีสิทธิได้รับการคุ้มครองมี ผู้อุปการะเลี้ยงดู และเกียรติยศในสังคม ดังนั้น ผู้สูงอายุจึงอาสาสมัครเป็นผู้นำ เป็นผู้ร่วมหรือสังเกตในกิจกรรมทางสังคม ศาสนพิธี วันสำคัญต่าง ๆ เพื่อความสุขในการอยู่ร่วมกัน ขณะเดียวกันผู้สูงอายุก็เป็นตัวอย่างที่ดี ผู้นำที่ดี จนได้รับการยกย่องนับถือ เป็นผู้นำตัวอย่าง พ่อแม่ตัวอย่าง
2) หลักพุทธธรรมที่นำไปประยุกต์ใช้กับผู้สูงอายุ ในเขตตำบลขามใหญ่ คือ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และหลักธรรมที่สำคัญได้นำมาประยุกต์ใช้มี 5 ประการ คือ พระรัตนตรัย ไตรลักษณ์ เบญจศีลเบญจธรรม อนุสติและสติปัฏฐาน การนำพระรัตนตรัย 3 ไปประยุกต์ใช้กับผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุมีจิตสำนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งและตั้งอนุสติ ไตรลักษณ์กับวิถีชีวิตของผู้สูงอายุ ทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ในการดำเนินชีวิต ความไม่มีตัวตน ได้นำมาพิจารณาและรู้ถึงความเป็นจริงแล้วไม่ยึดมั่น และปล่อยวางเบญจศีล เบญจธรรมกับผู้สูงอายุ เบญจศีลเป็นข้อควรละเว้น 5 ประการ สำหรับควบคุมกาย วาจา ให้อยู่ในความดีงาม เบญจธรรม คือข้อที่ควรปฏิบัติ 5 ประการ เป็นข้อธรรมที่ทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นคนดี อนุสติกับผู้สูงอายุ อนุสติ คือ อาการรู้สึกระลึกอยู่บ่อย ๆ ส่วนมากผู้สูงอายุเป็นพุทธศาสนิกชน เป็นแบบอย่างของชุมชน การมีสติระลึกอยู่บ่อย ๆ ผู้สูงอายุในเขตตำบลขามใหญ่ได้นำประยุกต์อนุสติที่สำคัญและนำมาใช้กับผู้สูงอายุมี 3 ประการ คือ พุทธานุสติ อานาปานสติ และมรณสติ สติปัฏฐานกับผู้สูงอายุ สติปัฏฐาน อันเป็นที่ตั้งของสติที่จะกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริงผู้สูงอายุ ในเขตตำบลขามใหญ่ ได้นำสติปัฏฐานมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการตั้งสติระลึกร่างกาย ความรู้สึกนึกคิด ภาวะของดวงจิตและสภาวะธรรมความจริง ผลตามมาก็คือ ความสุข และในขณะเดียวกันก็ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแล้วสั่งสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติตาม
3) การประยุกต์หลักพุทธธรรมกับผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุต้องศึกษาให้เข้าใจชัดถึงแนวปฏิบัติและเห็นคุณค่า แล้วจึงนำไปอบรมสั่งสอนเผยแผ่ พระรัตนตรัย ผู้สูงอายุ ต้องเข้าใจและทำตัวเองให้เป็นแบบอย่าง โดยจัดกิจกรรมและเข้าร่วมปฏิบัติอย่างแท้จริงเบญจศีลเบญจธรรม ผู้สูงอายุได้ผ่านวัย เข้าใจความถูกต้อง ถูกผิดในการดำเนินชีวิตในสังคม ควรจะเคร่งครัดปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดี ในเบญจศีลเบญจธรรม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบุคคล ครอบครัวและสังคมปัจจุบัน เพราะความบกพร่องในการรักษาเบญจศีลและไม่เห็นคุณค่าการนำเบญจธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน จึงก่อให้เกิดปัญหาสังคมนานาประการ ไตรลักษณ์ผู้สูงอายุ สภาพความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นสามัญลักษณ์ ดังนั้น ผู้สูงอายุจึงควรดำเนินชีวิตโดยความไม่ประมาท คิดถึงคุณค่า เวลา และสร้างกุศลแก่ตนเองและสังคม อนุสติ ผู้สูงอายุตำบลขามใหญ่ ส่วนมากเป็นผู้มีคุณวุฒิและเป็นพุทธศาสนิกชน เข้าใจและรู้ซึ้งถึงอนุสติ 10 ประการ ได้เลือกเอาพุทธานุสติ อานาปนสติ และมรณสติมาประยุกต์ใช้ในชีวิต โดยตั้งอนุสติและเข้าถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ น้อมจิตคิดถึงลมหายใจเข้าออกและเห็นคุณค่าของลมหายใจจะขาดเสียมิได้ ผู้เจริญมรณสติ โดยการรักษาจิตของตนไม่ให้ฟุ้งซ่าน พิจารณาถึงความตายของสัตว์ทั้งหลาย พร้อมกันนั้นต้องสำนึกว่าความตายจะต้องมาถึงเรา สติปัฏฐาน ผู้สูงอายุจำเป็นต้องกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นตามความเป็นจริง มีการตั้งสติระลึกถึงร่างกาย ความรู้สึกนึกคิด ภาวะของจิตใจและสภาวธรรมให้เข้าใจจนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดความสันติสุข ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขแก่ตนเองและสังคมในปัจจุบันและอนาคต
ดาวน์โหลด
|