บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง “ศึกษาพัฒนารูปแบบการทำงานของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕” มีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ตามนโยบายของคณะสงฆ์ไทย ๒) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินงานตามโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ๓) เพื่อศึกษาพัฒนารูปแบบดำเนินงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัย พบว่า โครงการหมู่บ้านศีล ๕ ตามนโยบายของคณะสงฆ์ไทย มีความเป็นมา จากสถานการณ์บ้านเมืองในห้วงเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหามากมาย คณะสงฆ์ โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีดำริที่จะเสริมสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติ ให้เกิดความสงบ สันติสุข มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน โดยให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักศีล ๕ มาประพฤติปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวัน และมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบเป็น “โครงหมู่บ้านรักษาศีล ๕” สภาพปัจจุบันและปัญหาที่อุปสรรค พบว่า ศีลทั้ง ๕ เป็นกฎระเบียบและเป็นหลักประพฤติปฏิบัติขั้นพื้นฐานสำหรับมนุษย์ทุกคน สภาพปัจจุบันและปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ๑) การขาดความอดทนและเป็นพวกบริโภคนิยม ๒) มีความหวงแหนในประโยชน์ส่วนตัวที่เกิดจากความโลภและเห็นแก่ตัว ๓) ชาวบ้านยังไม่เข้าใจ ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของหมู่บ้านรักษาศีล ๕ นี้อย่างพอเพียง
การขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เป็นไปอย่างเรียบง่ายและมั่นคง ภายใต้แนวคิด พอเพียงและพอประมาณ โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อร่วมสร้าง “ครอบครัวรักษาศีล หมู่บ้านรักษาศีล ตำบลรักษาศีล อำเภอรักษาศีล และจังหวัดรักษาศีล ๕” รูปแบบดำเนินงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ พบว่า เป็นรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นการบูรณาการและประยุกต์ให้สอดคล้องกับหลักพุทธธรรม ประกอบด้วย ๑) หลักโลกปาลธรรมหรือหลักธรรมคุ้มครองโลก เพื่อเสริมคุณค่าให้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ได้มีพัฒนาการที่สมบูรณ์ เป็นการพัฒนาจิตและสะท้อนตนเองอยู่ตลอดเวลาในการ คิด พูด ทำ การเจริญภาวนาบ่มเพาะนิสัย สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและสังคม สร้างความมีเสถียรภาพให้แก่ประเทศชาติ ๒) หลักสังคหวัตถุ ๔ เป็นหลักธรรมสำหรับเป็นเครื่องมือใช้ยึดเหนี่ยว คือยึดเหนี่ยวใจคน ผูกใจคนและประสานหมู่ชนให้มีความสามัคคี เป็นหลักธรรมให้คนเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของคนทั่วไป และสร้างความมั่นคงให้แก่สังคมและชุมชน โดยมีหลักศีล ๕ เป็นองค์ประกอบหลัก ๓) หลักสาราณียธรรม ๖ เป็นหลักธรรมในพุทธศาสนา ที่มีการกล่าวถึงการช่วยเหลือกิจธุระของผู้ร่วมคณะด้วยความเต็มใจ ๔) หลักอปริหานิยธรรม ๗ เป็นหลักธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม เป็นไปเพื่อความเจริญฝ่ายเดียว สำหรับหมู่ชนหรือ ผู้บริหารบ้านเมือง เป็นแนวทางที่ดีในการอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี ในสังคมและชุมชน ทำให้เกิดผลดีแก่เพื่อนร่วมงานและการบริหารงานในสังคมและชุมชน ตามโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕
ยุทธศาสตร์การปลูกฝังหลักศีล ๕ สู่การปฏิบัติ พบว่า มีเป้าหมายเพื่อเสริมความดีงามให้เกิดขึ้นกับชีวิต รูปแบบการบริหารโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า มี ๓ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ขั้นเตรียมการ ๒) ขั้นดำเนินการ ๓ ขั้นวางแผนในโครงการ ตามหลักพุทธธรรมพร้อมรูปแบบการบริหารด้วยกลยุทธ์ ๔ กลยุทธ์ ดังนี้
กลยุทธ์ที่ ๑: จัดตั้งศูนย์อำนวยการกลางและศูนย์อำนวยความสะดวกระดับชุมชนที่มีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ที่ ๒: จัดอบรมประชาชน สร้างความรู้ความเข้าใจในการรักษาศีล ๕ ตามโครงการ และเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้ตามแต่โอกาสจะอำนวย
กลยุทธ์ที่ ๓: พัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ และสร้างจิตอาสาในการปฏิบัติงานเพิ่มให้มากขึ้น เน้นการประสานงานระหว่างบ้าน วัด และชุมชน (บวร) เพื่อให้เกิดความสามัคคีสมานฉันท์อย่างเป็นรูปธรรม
กลยุทธ์ที่ ๔: สร้างเครื่องมือในการกำกับติดตามและประเมินผลการดาเนินโครงการที่มีคุณภาพ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาเป็นกรรมการร่วมและตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ดาวน์โหลด
|