บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (๑) เพื่อศึกษาขั้นตอนของกระบวนการอุ้มบุญ (๒) เพื่อศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ใช้วิเคราะห์การอุ้มบุญ (๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์การอุ้มบุญในทัศนะของพระพุทธศาสนา ระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจัย เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาขั้นตอนของกระบวนการอุ้มบุญและหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาศึกษาวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ในมิติของพระพุทธศาสนา มองว่า การให้กำเนิดมนุษย์ควรเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรใช้เทคโนโลยีเพื่อให้กำเนิดมนุษย์เกินขอบเขตไปในทางสนองตอบกิเลสของตัวเอง เพราะเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องหลายประการเช่น การทำลายตัวอ่อน ที่อาจไม่ถึงขั้นผิดศีลข้อ ๑ การฆ่าเนื่องจากผู้กระทำไม่รู้ว่าตัวอ่อนมนุษย์อายุ ๕-๗ วันนั้น อาจเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ก็ศีลทะลุ ศีลด่าง ศีลพร้อย ตามลำดับขึ้นอยู่กับการกระทำ แต่ทางพระพุทธศาสนาก็ไม่ถึงกับว่า ไม่ให้ทำเลย เพราะหากมีความจำเป็นด้านการประคับประคองครอบครัวให้อยู่ได้ ก็เห็นว่าน่าจะให้ทำได้ ภายในกรอบของศีลธรรม ไม่ละเมิดหลักธรรมใดๆ อีกทั้งในความเป็นจริงก็คือ การกระทำสิ่งใดไม่เฉพาะแต่การอุ้มบุญนั้น ที่เป็นปัญหาและผลกระทบต่อสังคมก็มีสาเหตุมาจากการปฏิบัติตามกิเลสของมนุษย์ที่ละเมิดศีลธรรมเอง ไม่ใช่เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์หรืออุ้มบุญที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหา
๒. ในมิติทางการแพทย์ มองว่าอุ้มบุญเป็นเรื่องที่ทางการแพทย์ทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหาตั้งครรภ์เองไม่ได้ให้มีบุตรได้สมความปรารถนา เป็นเรื่องที่ดีหากเป็นอุ้มบุญที่มีเหตุมาจากเรื่องสุขภาพ และมองว่าผลกระทบต่อสังคมมีน้อยมาก เพราะพฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการเลี้ยงดูเมื่อคลอดแล้วเป็นส่วนใหญ่
๓. ในมิติทางกฎหมาย เห็นสอดคล้องกับมิติทางการแพทย์ว่า หากเป็นอุ้มบุญภายในกรอบของกฎหมายโดยไม่มีการละเมิด ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้ครอบครัวมีความสมบูรณ์ ส่วนการกระทำผิดนั้น เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่ละเมิดกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องการอุ้มบุญ
สรุปว่า อุ้มบุญในทัศนะของพระพุทธศาสนานั้น ไม่สนับสนุนการอุ้มบุญแต่ก็ไม่ถึงกับปฏิเสธหากอุ้มบุญจะมีส่วนช่วยให้ครอบครัวสงบสุขและดำเนินต่อไปได้แต่ต้องทำในกรอบของศีลธรรม
ดาวน์โหลด
|