บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑.เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ๒. เพื่อศึกษาการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ๓. เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ตามความคิดเห็นของประชาชนที่มีปัจจัยส่วนบุคคลแตกต่างกัน ๔. เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน คือ การวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษากับประชาชนในเขตเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๓๗๙ คน โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม เสร็จแล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ เพื่อหาค่าความถี่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ โดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๕ คน ใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา ประกอบบริบท และประมวลผลเข้าด้วยกัน รวมทั้งใช้แนวคิดจากเอกสารและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนในการวิเคราะห์เพื่อให้เห็นภาพรวม
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลแก้งคร้อ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุตั้งแต่ ๓๑-๔๐ ปี มีการศึกษาระดับประถมศึกษา มีอาชีพรับจ้าง มีรายได้ต่อเดือน ระหว่าง ๓,๐๐๑-๕,๐๐๐ บาท
๒. ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( ) = ๓.๙๗ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเฉลี่ยมากไปหาน้อยตามลำดับ คือ ด้านกายสุจริต (ความประพฤติทางด้านกาย) ด้านวจีสุจริต (ความประพฤติทางด้านวาจา) และด้านมโนสุจริต (ความประพฤติทางด้านใจ) ตามลำดับ
๓. ประชาชนที่มีอาชีพ และรายได้ต่อเดือน ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ แตกต่างกัน เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนประชาชนที่มีเพศ, อายุ, และระดับการศึกษา ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้
๔. แนวทางในการบริหารงานตามหลักสุจริต ๓ ของผู้บริหารเทศบาลตำบลแก้งคร้อ นั้น
ด้านกายสุจริต ผู้บริหารบริหารงานโดยกำกับดูแลบุคลากรให้บริการประชาชนได้ทั่วถึงตามทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มาปรับใช้ให้เข้ากับการปฏิบัติงานของบุคลากรของเทศบาล โดยการจัดอบรมพัฒนาความสามารถทางด้านกาย เพื่อเป็นการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน มีความประพฤติดีปฏิบัติตามระเบียบของสังคม
ด้านวจีสุจริต ผู้บริหารบริหารงานโดยกำกับดูแลการใช้วาจาที่เป็นจริงไพเราะถูกกาลเทศะ สร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ชุมชนเป็นผู้ประสานสัมพันธ์ภาพ เป็นที่ปรึกษาให้แก่ชุมชน หลีกเลี่ยงคำพูดที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยการให้คำแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสามัคคี ไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันด้วยการประพฤติดีของวาจา
ด้านมโนสุจริต ผู้บริหารบริหารงานโดยใช้กลยุทธ์กำกับความรับผิดชอบในหน้าที่ดำเนินงานของบุคลากรด้วยความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ การบริหารงานราชการที่มุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในทางที่ดีต่อการพัฒนาชีวิตของประชาชน การปฏิบัติราชการที่มุ่งเน้นถึงความต้องการและวามพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการเป็นหลัก
ดาวน์โหลด |