บทคัดย่อ
การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวัดตาก ๒) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวัดตาก จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ๓) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวัดตาก
การวิจัยครั้งนี้ ดำเนินตามระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการวิจัยเชิงสำรวจ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ประชาขนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตตำบลหนองบัวใต้ จำนวน ๓๘๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่าวิเคราะห์ข้อมูลโดย การทดสอบค่าที การทดสอบค่าเอฟ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อย และนำเสนอเป็นบทความเรียงประกอบตาราง โดยการแจกแจงความถี่ของผู้ตอบคำถามปลายเปิด และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๗ ท่าน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท
ผลการวิจัยพบว่า
๑) ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวัดตาก โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีส่วนร่วมอยู่ในระดับมากทุกด้าน
๒) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนในการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลพบว่าประชาชนที่มี เพศ และอายุ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวดตากโดยรวม ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐาน สำหรับประชาชนที่มี การศึกษาและ รายได้ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมในการจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราช จังหวัดตากโดยภาพร่วม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
๓) ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้ข้อเสนอปัญหาอุปสรรคที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการในการตัดสินใจ พบว่า ในการระดมทุนเพื่อจัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ตากสินมหาราชที่มีความถี่มากที่สุดคือ ขาดความเป็นเอกภาพทางความคิดและอำนาจในการตัดสินใจเลือกวิธีการระดมทุน การให้ข้อมูลที่มีการประชาสัมพันธ์ไม่มีความชัดเจน คุมเครือก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งในการใช้ประกอบกับการตัดสินใจ และไม่สามารถคัดค้านหรือเสนอข้อมูลเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่สามารถกำหนดทางเลือกและแนวทางการปฏิบัติเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ขาดแผนและขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบไม่มีการแยกแยะปัญหาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้สนับสนุนทุนในการใช้ข้อมูลเพื่อตัดสินใจรวมไปถึงทุนทางสังคมน้อย และความกระตือรือร้น โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้ ๑) ควรมีการสร้างเครือข่ายและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเพื่อสร้างเป็นทุนทางสังคม ๒) มหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแผนรองรับการพัฒนาองค์กรที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ๓) ควรสร้างองค์ความรู้และปลูกจิตสำนึกให้กับบุคลากรให้มีความรักในองค์กรและมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อองค์กรด้วยความเต็มใจ ๔) การจัดกิจกรรมระดมทุนควรอยู่ในขอบเขตของสังคมและวัฒนธรรมประเพณี ๕) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลในการจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อสร้างความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ดาวน์โหลด
|