บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ เพื่อศึกษาเนื้อหาหลักธรรมของภาวนาสูตร เพื่อศึกษาหลักการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท และเพื่อศึกษาแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในภาวนาสูตร โดยศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาทและเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวบรวม สรุป วิเคราะห์ เรียบเรียงบรรยายเชิงพรรณนา ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาพบว่า
ภาวนาสูตร เป็นสูตรที่มาในพระสุตตันตปิฎก ซึ่งปรากฏอยู่ ๒ แห่ง คือ สูตรที่ ๑ มาใน
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ เพื่อกำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลก ส่วนสูตรที่ ๒ มาใน อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ว่าด้วยผลของการเจริญภาวนาบรรยายโวหารแบบมีอุปมาอุปมัยประกอบ เมื่อหมั่นประกอบภาวนาอยู่ จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะ และสังโยชน์ทั้งหลายย่อมระงับ ดับไปโดยไม่ยาก
หลักการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาทมีเนื้อหาหลักธรรมประกอบ ด้วย (๑) อาตาปี มีความเพียร (๒) สมฺปชาโน มีสัมปชัญญะ (๓) สติมา มีสติ ในการเจริญสติปัฏฐาน ต้องมีสติเป็นประธานประชุมลงใน ๔ ฐาน คือกาย เวทนา จิตและธรรม อันเป็นเหตุให้เกิดวิปัสสนาญาณเห็นแจ้งหยั่งรู้สภาวธรรม อันเป็นอารมณ์ทางกาย ทางใจ หรือรูป นามตามความเป็นจริงว่าสภาวธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล บุรุษหรือสตรี และมีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่สวยงาม ไม่น่ารัก ไม่น่าปรารถนา ถ่ายถอนตัณหาอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น ทั้งที่เป็นรูปขันธ์ และนามขันธ์ ทำให้จิตบริสุทธิ์หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวง
แนวทางการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในภาวนาสูตรมีฐานในการเจริญภาวนาอยู่ ๔ ฐาน คือ (๑) ผู้มีสมถยานิกะอ่อน มีตัณหาจริตอ่อน พิจารณากายานุปัสสนาสติปัฏฐานเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ (๒) ผู้มีสมถยานิกะแก่กล้า มีตัณหาจริตแก่กล้า พิจารณาเวทนานุปัสสนาเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ (๓) ผู้มีวิปัสสนายานิกะอ่อน มีทิฏฐิจริตอ่อนพิจารณาจิตตานุปัสสนาเป็นอารมณ์แห่งความบริสุทธิ์ (๔) ผู้มีวิปัสสนายานิกะแก่กล้า มีทิฏฐิจริตแก่กล้าพิจารณาธัมมานุปัสสนาเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ ถ้าปราศจาก ๔ ฐานนี้แล้ว ไม่มีเวไนยสัตว์หมู่เหล่าใดสามารถบรรลุธรรมได้
ดาวน์โหลด
|