หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » นฤมล อภินิเวศ
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๔ ครั้ง
ศึกษาปัญญารู้แจ้งสภาวธรรมปัจจุบันขณะในการเจริญวิปัสสนาภาวนา
ชื่อผู้วิจัย : นฤมล อภินิเวศ ข้อมูลวันที่ : ๑๖/๐๘/๒๐๑๗
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(วิปัสนาภาวนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาชิต ฐานชิโต
  สุเทพ พรมเลิศ
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๑๐/มีนาคม/๒๕๕๙
 
บทคัดย่อ

 

บทคัดย่อ

วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาสภาวธรรมปัจจุบันขณะในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท  ๒) เพื่อศึกษาการเจริญวิปัสสนาภาวนาในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท  และ ๓) เพื่อศึกษาปัญญารู้แจ้งสภาวธรรมปัจจุบันขณะในการเจริญวิปัสสนาภาวนา โดยเป็นการวิจัยเชิงเอกสารที่มุ่งศึกษาข้อมูลจากพระไตรปิฎก อรรถกถา คัมภีร์และตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สรุปวิเคราะห์ เรียบเรียงบรรยายเชิงพรรณนา และตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการศึกษาพบว่า

สภาวธรรมปัจจุบันขณะ คือสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเฉพาะหน้า สภาวธรรมทั้ง ๕ เหล่านี้ เรียกว่า ขันธ์ ๕ หรือเบญจขันธ์ ย่อลงแล้วคือ รูปและนาม คำว่า ปัจจุบันขณะ มีความหมายได้ ๒ นัย คือ ความหมายแห่งกาลเวลา หมายถึง เวลาขณะนี้ กำลังเป็นไปอยู่ เวลาในระหว่างอดีตและอนาคต ส่วนอีกนัย หมายถึง ปัจจุบันอารมณ์ของรูปนามที่กำลังเป็นไปอยู่ ที่ปรากฏอยู่ แบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ๑) ปัจจุบันโดยขณะ ๒) ปัจจุบันโดยสันตติ และ ๓) อัทธาปัจจุบัน โดยปัจจุบันในแต่ละประเภทมีระยะการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของสภาวธรรมแตกต่างกัน การกำหนดรู้สภาวธรรมอย่างเท่าทันปัจจุบันโดยสันตติที่นับเนื่องด้วยกระแสรูป ๑-๒ วิถีจิต (ปัญจทวารวิถี) และกระแสนาม ๒-๓ วิถีจิต (มโนทวารวิถี) มีความสำคัญยิ่งเพราะในช่วงนี้จิตเพียงแต่รับรู้อารมณ์ในระดับปรมัตถ์เท่านั้น และทำให้รู้เห็นเท่าทันความเกิดดับของสภาวธรรมได้ชัดเจน อีกทั้งเป็นการตัดต้นทางกิเลสไม่มาต่อเข้ากับเวทนา สัญญา และสังขาร

การเจริญวิปัสสนาภาวนามี ๔ แบบ ได้แก่ ๑) สมถปุพพังคมวิปัสสนาภาวนา  ๒) วิปัสสนาปุพพังคมสมถภาวนา  ๓) สมถวิปัสสนายุคนัทธภาวนา  และ ๔) ธัมมุทธัจจวิคคหิตมานัส ในการศึกษาครั้งนี้มีความสอดคล้องตามวิธีปฏิบัติแบบวิปัสสนาปุพพังคมสมถภาวนา คือการเจริญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องต้น โดยการเจริญวิปัสสนาขณิกสมาธิ เมื่อเจริญได้จนจิตไม่ซัดส่ายและแนบอยู่กับอารมณ์ปัจจุบันที่กำหนดรู้อยู่ สงบจากนิวรณ์ และมีกำลังเทียบเท่ากับอุปจารสมาธิแล้ว จึงกำหนดรู้รูปนามตามลำดับของโลกียปริญญา ๓

ปัญญารู้แจ้งสภาวธรรมปัจจุบันขณะในการเจริญวิปัสสนาภาวนาจะเกิดขึ้นหลังจากการกำหนดรู้สภาวธรรมปัจจุบันขณะด้วยโลกียปริญญา ๓ คือ ญาตปริญญา ก่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งญาณที่ ๑ นามรูปปริจเฉทญาณ ถึงญาณที่ ๒ ปัจจยปริคคหญาณ, ตีรณปริญญา ก่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งญาณที่ ๓ สัมมสนญาณ ถึงญาณที่ ๔ อุทยัพพยญาณ, และปหานปริญญา ก่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งญาณที่ ๕ ภังคญาณ ถึงญาณที่ ๑๒ อนุโลมญาณ

ดาวน์โหลด

 

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕