บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษา ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า ๒) เพื่อศึกษาโอวาทของพระเยซูเจ้าในระหว่างงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย ๓) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้ากับโอวาทของพระเยซูเจ้าในระหว่างงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย ผลการวิจัยพบว่า
ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า คือ หลักคำสอนอันเป็นมรดกธรรมสำคัญที่พระพุทธองค์ทรงแสดงในวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ ก่อนที่จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน มีสาระสำคัญ ๓ ประการ คือ ให้ตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท พิจารณาความจริงของสังขารที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ แล้วเร่งรีบทำกิจหน้าที่คือการดับทุกข์ให้สิ้นไป วิธีปฏิบัติโดยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ เพราะความไม่ประมาท คือการไม่อยู่ปราศจากสติ หรือไม่ปล่อยสติออกไปภายนอก ใช้หลักอริยสัจ ๔ เป็นเครื่องมือดับทุกข์ แล้วดำรงตนอยู่ในมรรคมีองค์ ๘ ย่อมกำจัดอาสวะกิเลสได้ จนสามารถทำให้แจ้งซึ่งนิพพานได้ในที่สุด
โอวาทของพระเยซูเจ้าในระหว่างงานเลี้ยงครั้งสุดท้ายนั้น คือ หลักคำสอนอันเป็นมรดกธรรมสำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงไว้เช่นกัน ถึงจะมิใช่คำสอนสุดท้าย แต่คำสอนในระหว่างงานเลี้ยงครั้งสุดท้ายนี้มีความสำคัญที่สุด มีสาระสำคัญ ๓ ประการ คือ สอนเรื่องความรัก ชี้ให้เห็นบาปกำเนิดที่เกิดจากการขาดความรัก แล้วให้ปฏิบัติตามบัญญัติ ๑๐ ประการ ซึ่งสรุปลงเหลือบัญญัติสำคัญ ๒ ประการ คือ มีความรักต่อพระเป็นเจ้าอย่างสุดหัวใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง เมื่อปฏิบัติตามบัญญัติสำคัญนี้อย่างบริบูรณ์แล้ว จะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในอาณาจักรสวรรค์ชั่วนิรันดร
จากการศึกษาเนื้อหาของโอวาททั้งสองนั้น ปรากฏว่าโอวาททั้งสอง คือหลักธรรมสำคัญที่พระศาสดาทั้งสองทรงแสดงฝากไว้เป็นมรดกให้แก่ศาสนิกชนของพระองค์ ได้ปฏิบัติเพื่อไปสู่ความพ้นทุกข์และเพื่อความหมดบาป ส่วนที่ต่างกันก็แต่เพียงแต่ชื่อและรายละเอียดเท่านั้น อย่างไรก็ดี การที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงความไม่ประมาทไว้ให้พุทธบริษัทได้ปฏิบัติเพื่อทำความพ้นทุกข์ ก็เพราะพระองค์ทรงมีความรักต่อพุทธบริษัท จึงปรารถนาจะให้พุทธบริษัทได้พ้นจากทุกข์ และการที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงความรักไว้ให้คริสต์ชนได้ปฏิบัติเพื่อการลบล้างบาป ก็เพราะพระองค์มีความปรารถนาที่จะให้คริสต์ชนได้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเช่นเดียวกัน
ดาวน์โหลด
|