บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ ผู้วิจัยได้ตั้งเป็นประเด็นแห่งการศึกษาไว้ ๓ ประเด็นด้วยกัน คือ ๑) เพื่อศึกษาการบำรุงบิดามารดาในพุทธศาสนาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษาการบำรุงบิดามารดาในศาสนาขงจื๊อ และ ๓) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการบำรุงบิดามารดาในพุทธศาสนาเถรวาทกับขงจื๊อ ผลการวิจัยพบว่า
๑. ในพระพุทธศาสนา บุตรมีหน้าที่เลี้ยงดูมารดาบิดา เพราะท่านทั้งสองได้ทำนุบำรุงบุตร ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้ว่า จนเติบใหญ่ มารดาบิดาต้องตรากตรำทำงานหนักเพื่ออนาคตของบุตร เมื่อถึงเวลาอันสมควรบุตรควรต้องมีหน้าที่ดูแลเอาใจใส่ท่านเป็นอย่างดี สมควรปฏิบัติต่อท่านทั้งทางร่างกาย และจิตใจ ด้วยอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา จะต้องตอบแทนคุณที่ท่านได้เลี้ยงดูบุตรมาพระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวิธีที่บุตรจะบำรุงมารดาบิดาไว้ในสิงคาลกสูตร ว่า
คหบดีบุตร บุตรพึงบำรุงมารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้าโดยหน้าที่ ๕ ประการ
๑. ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยงท่านตอบ
๒. จักทำกิจของท่าน
๓. จักดำรงวงศ์ตระกูล
๔. จักประพฤติตนให้เหมาะสมที่จะเป็นทายาท
๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศไปให้
๒. ขงจื๊อกล่าวถึงวิธีแสดงความกตัญญูไว้ว่า เมื่อท่านมีชีวิตอยู่บำรุงเลี้ยงดูท่าน เมื่อท่านละชีวิตไปแล้ว ก็จัดการฝังตามประเพณี จะต้องทำด้วยความเคารพ ไม่ใช่สักแต่ว่าให้ข้าวให้น้ำกินอิ่มแค่ปากท้องเหมือนเลี้ยงสุนัข เลี้ยงสุกร เมื่อพิจารณาคัมภีร์จารีตประเพณี ได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติตนต่อบิดามารดา ดังนี้
วิธีแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ช่วงเวลา คือ
(ก) วิธีแสดงความกตัญญูเวลาที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ วิธีการแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ สามารถแสดงออกได้หลายทาง คือ ๑) การให้ความเคารพและเชื่อฟัง ๒) การบำรุงเลี้ยงดู ๓) การช่วยเหลือกิจการงานของท่าน ๔) การช่วยดำรงวงศ์ตระกูล
(ข) วิธีแสดงความกตัญญูเวลาที่บิดามารดาเสียชีวิตไปแล้ว วิธีการแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาเมื่อท่านเสียชีวิตไปแล้ว เท่าที่สำรวจพบในคัมภีร์คำสอนทางศาสนาของขงจื๊อกล่าวไว้เพียง ๔ วิธี คือ ๑) การไว้ทุกข์ ๒) การจัดฝังศพตามจารีตประเพณี ๓) การเซ่นไว้ตามจารีตประเพณี ๔) การสืบสานเจตนารมณ์ของท่านอย่างไม่เสื่อมคลาย
๓. เมื่อเปรียบเทียบการบำรุงบิดามารดาในพุทธศาสนากับขงจื๊อ พบว่า ทั้งสองได้มีทัศนะที่เหมือนกันของวิธีการบำรุงบิดามารดา ต่างก็แสดงถึงวิธีการบำรุงมารดาบิดา ๒ ทางด้วยกัน คือ ๑) ทางกาย ๒) ทางใจ
ดาวน์โหลด
|