หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหาทีปเดช สีลวฑฺฒโน (เลาหอุดมพันธ์)
 
เข้าชม : ๑๙๙๖๑ ครั้ง
ศึกษาการเปล่งอาสภิวาจาของพระโพธิสัตว์ในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท
ชื่อผู้วิจัย : พระมหาทีปเดช สีลวฑฺฒโน (เลาหอุดมพันธ์) ข้อมูลวันที่ : ๒๘/๐๔/๒๐๑๗
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาสุรชัย วราสโภ
  ณัทธีร์ ศรีดี
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๕๕๘
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

             วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องพระโพธิสัตว์ในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท  เพื่อศึกษาอาสภิวาจาของพระโพธิสัตว์ในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท และ เพื่อศึกษาคุณค่าอาสภิวาจาของพระโพธิสัตว์ โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท ได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียบเรียง บรรยาย ตรวจสอบ โดยอาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาพบว่า

             พระโพธิสัตว์ หมายถึง บุคคลผู้บำเพ็ญบารมีเพื่ออุบัติเกิดขึ้นเป็นพระพุทธเจ้า  พระโพธิสัตว์มี ๓ ประเภท คือ ปัญญาธิกโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ  สัทธาธิกโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ  และ วิริยาธิกโพธิสัตว์  คือพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ  สมเด็จพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า  เคยเสวยชาติเป็นโพธิสัตว์ประเภทปัญญาธิกะ เพราะมีกำลังบารมีแรงมาก จากที่ได้ตั้งความปรารถนาไว้กับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ จนนับชาติไม่ถ้วนด้วยจิตคิดว่า เราตรัสรู้แล้วจะให้ผู้อื่นตรัสรู้ด้วย เราพ้นแล้ว จะให้ผู้อื่นพ้นด้วย เราข้ามได้แล้ว จะให้ผู้อื่นข้ามด้วย

             อาสภิวาจา  หมายถึง พระวาจาที่แสดงความองอาจ อาจหาญ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกให้รู้การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า  ด้วยพระดำรัสที่เรียกว่าอคโคหมสมิ โลกสส, เชฏโฐหมสมิ โลกสส, เสฏโฐหมสมิ โลกสส” “เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นเจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐแห่งโลกซึ่งปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปิฎก และอรรถกถา  โดยได้เลือกศึกษาพระวาจาที่แสดงความเป็น อัคคะ,เชฏฐะ และ เสฏฐะตามลำดับ

             การศึกษาคุณค่าของอาสภิวาจาของพระโพธิสัตว์ พบว่า มีคุณค่าหลายด้าน คือ ด้านความเชื่อ  เช่น พระโพธิสัตว์ชูพระดรรชนีขึ้นฟ้า ประกาศอาสภิวาจา  หมายถึง (๑) การที่เทวดามารับ แสดงว่า  พระกุมารจะได้รับการยอมรับจากเจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียง เช่น อาฬารดาบส และอุทกดาบส  (๒) การที่เสด็จดำเนินไปทางทิศเหนือแสดงว่า จะทรงอยู่เหนือ หรือเอาชนะความเห็นผิดต่าง ๆ ที่มีในยุคนั้น  (๓) การที่ทรงชี้พระดรรชนีแล้วเปล่งอาสภิวาจา แสดงว่าจะได้ประกาศสัจธรรมที่ตรัสรู้แก่โลก (๔)การที่เสด็จดำเนินได้ ๗ ก้าว แสดงว่า จะทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายในแว่นแคว้นทั้ง ๗ และสร้างความเชื่อขึ้น  ในหมู่ชาวพุทธ โดยเฉพาะประเทศไทย ได้นำสัญลักษณ์ คือ อาสภิวาจา นำมาเป็นสัญลักษณ์สร้างรูปเคารพ เป็นต้น

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕