บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ เพื่อศึกษาวิปัสสนาภาวนาในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท เพื่อศึกษาพระนิพพานในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท และเพื่อศึกษาวิปัสสนาภาวนาเพื่อการรู้แจ้งพระนิพพาน โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท ได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียบเรียง บรรยาย ตรวจสอบ โดยอาจารย์ที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาพบว่า
หลักคำสอนเรื่องวิปัสสนาภาวนามีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเป็นวิธีฝึกจิตเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์คือการรู้แจ้งพระนิพพาน เพื่อให้เกิดปัญญาที่รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง การเจริญภาวนาหรือการปฏิบัติกัมมัฏฐานในพระพุทธศาสนา มีอยู่ ๒ ประการ คือ (๑) สมถภาวนาหรือสมถกัมมัฏฐาน คือการฝึกอบรมจิตให้เกิดความสงบ ได้แก่ การทำจิตใจให้เป็นสมาธิตั้งมั่นไม่หวั่นไหวด้วยนิวรณ์ (๒) วิปัสสนาภาวนา หรือวิปัสสนา คือการฝึกอบรมจิต เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งอริยสัจ ทั้งสองอย่างต่างเป็นปัจจัยสนับสนุนซึ่งกัน
พระนิพพานในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท คือ อสังขตธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิสังขาร คือ สภาวะที่พ้นจากขันธ์ทั้ง ๕ หมายถึงสภาพที่หมดสิ้นราคะ สิ้นโทสะ และสิ้นโมหะ เมื่อว่าโดยปรมัตถ์ ผู้บรรลุนิพพานถือว่าเป็นผู้สิ้นกิเลสอย่างสิ้นเชิงมีจิตหลุดพ้นจากภาระใด ๆ แบบโลก เป็นอิสระ และมีความสุขสงบอย่างแท้จริง
การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาเพื่อการรู้แจ้งพระนิพพานตามแนวของพระพุทธศาสนาเถรวาท ได้แก่ การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาตามแนวสติปักฐาน ๔ เพื่ออบรมจิตให้มีปัญญาจนถึงมรรคจิต ซึ่งจะเป็นตัวพิจารณาความเกิดและความเสื่อมแห่งรูปและนาม และรู้เห็นความเป็นจริงในอริยสัจ มรรคญาณจะทำหน้าที่กำหนดรูปและนามว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตาหรือสัมผัสกับสรรพสิ่งในลักษณะเพียงเกิดและดับ ณ เวลาปัจจุบัน และการทำภาวนาเพื่อออกจากทุกข์ขึ้นอยู่กับความแก่กล้าของอินทรีย์ในแต่ละบุคคล เมื่อจิตรู้รูปนามตามความเป็นจริงตามอริยสัจแล้ว จิตก็จะไม่เกี่ยวเกาะในสังขารทั้งหลายและเข้าถึงการรู้แจ้งที่เรียกว่า ความดับ ซึ่งเป็นภาวะของจิตที่ปราศจากราคะ หรือเรียก ตามอาการของมรรคญาณที่เข้าไปดับตัณหาทั้งหลาย ได้โดยเด็ดขาดว่า นิโรธ แปลว่า ความดับทุกข์ ได้แก่ ความระงับจากสังขารทั้งปวง ความสลัดทิ้งอุปธิ ทั้งหมด ความสิ้นตัณหา ความคลายกำหนัด ความดับกิเลส ความเย็นสนิท จนเป็นการรู้แจ้ง โดยสภาวธรรม โดยอาการแห่งการบรรลุธรรมนี้ หมายถึง สภาวะของจิตที่เข้าถึงมรรคญาณ ๔ อันได้แก่ โสดาปัตติมรรคญาณ สกทาคามิมรรคญาณ อนาคามีมรรคญาณ และอรหัตมรรคญาณ การปฏิบัติเช่นนี้ย่อมเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งพระนิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเถรวาท
ดาวน์โหลด
|