บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ เพื่อศึกษามัชฌิมาปฏิปทาในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท เพื่อศึกษาหลักปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างมัชฌิมาปฏิปทากับหลักวิปัสสนาภาวนา โดยศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พุทธศาสนา-เถรวาท คือพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา หนังสือ เอกสาร ตำรา ผลงานทางวิชาการ และรายงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียบเรียงบรรยายตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาพบว่า
มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง การปฏิบัติตามแนวทางสายกลาง คือ ทางที่ไม่สุดโต่ง
ไปในกามสุขัลลิกานุโยค และอัตตกิลมถานุโยค เป็นทางปฏิบัติที่ทำให้จักษุและปัญญาได้รับการพัฒนา ทำให้กิเลสสงบระงับ ทำให้รู้ยิ่ง ทำให้รู้แจ้ง และทำให้ดับทุกข์ได้ ได้แก่ อริยมรรคมีองค์ ๘ คือ สัมมาทิฏฐิ, สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ, สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ, สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นหลักธรรมที่นำให้ผู้ปฏิบัติบรรลุถึงความเป็นอริยบุคคลในทางพุทธศาสนาได้
หลักปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา คือ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ด้วยการใช้วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา พิจารณากำหนดรู้ รูปนาม คือ สภาวธรรมทางกาย เวทนา จิต และธรรม เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง แปรปรวนของสภาวธรรมว่ามีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
มัชฌิมาปฏิปทากับหลักวิปัสสนาภาวนามีความสัมพันธ์กันในด้านองค์ธรรม คือมัชฌิมาปฏิปทาสามารถสงเคราะห์องค์ธรรมเข้าในหลักวิปัสสนาภาวนา คือสติปัฏฐานได้ด้วยหลักธรรม ๕ ประการ ได้แก่ ปัญญา, วิริยะ, สติ, สมาธิ, ศีล และมีความสัมพันธ์ในด้านที่สนับสนุนส่งเสริมกัน คือ เมื่อเจริญสติปัฏฐาน เป็นไปตามหลักอาตาปี สัมปชาโน สติมา จนดำเนินไปได้สะดวก ก็ได้ชื่อว่าเจริญมัชฌิมาปฏิปทาไปในคราวเดียวกัน เพราะเมื่อเจริญสติ อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ย่อมได้รับการพัฒนาไปโดยลำดับ จนเป็นมัคคสมังคี จึงสามารถประหาณกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานได้อย่างเด็ดขาด
ดาวน์โหลด
|