บทคัดย่อ
การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาระดับการใช้อิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามหลักอิทธิบาทธรรม ๒) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนต่อการใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจำแนกปัจจัยส่วนบุคคล ๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรม ในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) โดยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ใช้วิธีการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนที่อยู่ในเขตการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน ๓๘๘ คน ใช้วิธีสุ่มกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้สูตรของ ทาโร่ ยามาเน่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๙๓๒ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ การทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบค่าเอฟ (F-test) โดยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยสุด (Least Significant Difference: LSD) กับการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) จำนวน ๘ รูป/คน ซึ่งใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis Techniques) ประกอบบริบท (context)
ผลการวิจัยพบว่า
๑. การประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (=๓.๗๐) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยมีค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามลำดับ คือ ด้านจิตตะ (ความเอาใจใส่) (=๓.๗๓) ด้านวิริยะ (ความเพียร) (=๓.๗๐) ด้านวิมังสา (ความรอบคอบ) (=๓.๖๙) และด้านฉันทะ (ความพอใจ) (=๓.๖๘)
๒. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนต่อการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล โดนภาพรวม พบว่า ประชาชนที่มี เพศ สถานภาพ และอาชีพ ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไม่แตกต่างกันทุกตัวแปร จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย
๓. ปัญหา อุปสรรค เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาทธรรมในการบริหารงานของเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่าเทศบาลเมืองหล่มสักจัดทำแผนงานตามความเห็นของตนเองมากกว่าที่จะนำข้อมูลและบัญหาของท้องถิ่นมาจัดทำฐานข้อมูลเพื่อจัดทำแผนงานเทศบาลเมืองหล่มสักเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการ/กิจกรรม เป็นส่วนน้อยประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบงบประมาณในการดำเนินโครงการ/กิจกรรมเป็นส่วนน้อยประชาชนมีส่วนร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาจากการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นส่วนน้อย
ข้อเสนอแนะ พบว่า เทศบาลเมืองหล่มสักควร มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่ามีความต้องการอย่างไร แล้วเสนอต่อคณะผู้จัดทำแผนงาน เพื่อให้เทศบาลเมืองหล่มสักกำหนดเป็นนโยบาย นโยบายถึงจะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มที่ เทศบาลเมืองหล่มสักควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการ/กิจกรรม เทศบาลเมืองหล่มสักควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบงบประมาณในการดำเนินโครงการ/กิจกรรม เทศบาลเมืองหล่มสักควรนำปัญหาจากการดำเนินงานจากปีที่ผ่านมาปรับปรุงแก้ไขเป็นแผนในการดำเนินงานในปีถัดไป เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยแท้จริง
ดาวน์โหลด
|