บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาระดับความเป็นภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์๒) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลและ๓) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือพระสงฆ์ในพื้นที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์จำนวน๒๕๗ รูป ทำการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .๙๑๕ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ หาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA ) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative.Research) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth.Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) จำนวน ๘ ท่าน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท
ผลการวิจัยพบว่า
๑)ระดับความเป็นภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์โดยภาพรวมพระสงฆ์มีความคิดเห็นต่อความเป็นภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการอยู่ในระดับมาก ( =๔.๑๑) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านคือ ด้านธัมมัญญุตา เป็นผู้รู้จักเหตุด้านอัตถัญญุตา เป็นผู้รู้จักผล ด้านอัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักตน ด้านมัตตัญญุตา เป็นผู้รู้จักประมาณด้านกาลัญญุตา เป็นผู้รู้จักกาล ด้านปริสัญญุตา เป็นผู้รู้จักชุมชน และด้านปุคคลปโรปรัญญุตา เป็นผู้รู้จักบุคคลพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน
๒) การเปรียบเทียบภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ การจำแนกตามอายุพรรษา วุฒิการศึกษานักธรรมวุฒิการศึกษาบาลีและวุฒิการศึกษาสามัญ พบว่าพระสงฆ์ที่มีอายุพรรษา วุฒิการศึกษานักธรรมวุฒิการศึกษาบาลีและวุฒิการศึกษาสามัญต่างกัน มีความคิดเห็นต่อผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ไม่แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้
๓) ปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาภาวะผู้นำเชิงพุทธของพระสังฆาธิการในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์พบว่า มีปัญหาขาดความเข้าใจในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ทั้งในด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิขาดวิสัยทัศน์ในการนำพาหมู่คณะและองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ขาดคุณสมบัติความรู้ความสามารถในการปกครองคณะสงฆ์ไม่พัฒนาตนเองไม่รู้จักขอบเขตความพอเหมาะในการทำงานรวมกับคณะสงฆ์ไม่รู้จักเวลาที่ควรประกอบกิจการงานหรือการทำงานให้ทันกับเวลาไม่สามารถวางตนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมขาดความสามารถที่จะเลือกใช้คนให้เหมาะสมกับงานในการบริหารงานด้านต่างๆ และควรเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูง เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีความหนักแน่นในการทำงานพัฒนาคนในองค์กรได้ มีความเป็นอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย เป็นผู้ตรงต่อเวลาใช้เวลาทุกขณะให้เกิดประโยชน์สูงสุด รู้จักประเพณี ความเชื่อของสังคม นำมาประยุกต์ใช้ในการสอนประชาชนเข้าใจในระบบงานมีศิลปะในการใช้บุคคลได้อย่างเหมาะสม
ดาวน์โหลด
|