บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ๓ ประการคือ ๑) เพื่อศึกษาทฤษฎีเรื่องการมีอายุยืนในวิทยาการปัจจุบัน ๒) เพื่อศึกษาเรื่องการมีอายุยืนตามหลักอิทธิบาท ๔ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา และ ๓) เพื่อนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้มีอายุยืนตามหลักอิทธิบาท ๔ ในสังคมไทย
ผลการวิจัย พบว่า แนวคิดการมีอายุยืนในวิทยาการปัจจุบัน อธิบายถึงการเกิดมีชีวิตที่ประกอบด้วยเซลล์เป็นอวัยวะ มีปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากอาหาร น้ำและออกซิเจนภายในเซลล์เป็นพลังงานที่ทำให้อายุยืน การเจ็บป่วยมีหลายสาเหตุซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ต้องจบลงตามอายุขัย แต่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์อธิบายถึงอายุยืนว่าเกิดจากพันธุ์กรรม ร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมที่ดี การส่งเสริมสุขภาวะให้อายุยืนด้วยสาธารณสุขว่าด้วยการบริโภคสิ่งที่ดีมีประโยชน์ งดสิ่งที่เป็นโทษอันตราย และบำรุงด้วยอาหารเสริม มีการพัฒนาจิตใจ สร้างพฤติกรรมให้ถูกสุขลักษณะ มีการพักผ่อน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะทำให้อายุยืนนาน
ในพระพุทธศาสนา ระบุว่าสิ่งที่ทำให้อายุยืน คือ ๑) ทำสิ่งที่เป็นสัปปายะ ๒) รู้จักประมาณในสิ่งที่เป็นสัปปายะ ๓) บริโภคสิ่งที่ย่อยง่าย ๔) เที่ยวในเวลาที่สมควร ๕) ประพฤติพรหมจรรย์ บางพระสูตรระบุถึงการมีศีล และการมีกัลยาณมิตร (มิตรดี) และมีธรรมที่สนับสนุนให้อายุยืนอย่างอายุสสธรรม ๕ แล้วยังมีหลักอิทธิบาท ๔ พระพุทธองค์ตรัสอำนาจของ อิทธิบาท ๔ ถ้าปฏิบัติมาก จะมีอายุยืนยาวได้ถึง ๑๒๐ ปี
แนวทางการปฏิบัติตนให้มีอายุยืนตามหลักอิทธิบาท ๔ ในสังคมไทย การนำหลักธรรมอิทธิบาท ๔ ในพระพุทธศาสนามาบูรณาการ เพื่อช่วยให้เกิดความสมบูรณ์ในการปฏิบัติตน ดูแล ส่งเสริมสุขภาพให้อายุยืนด้วยมิติทางศีลธรรมของศาสนา โดยนำหลักธรรมที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อการมีอายุยืน ตามหลักอิทธิบาท ๔ ได้แก่ ฉันทะ, วิริยะ, จิตตะ และวิมังสา โดยการปฏิบัติต่อร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมด้วยการรู้จักไตร่ตรอง ใช้ปัญญา อันใคร่ครวญ หาเหตุผลหรือตรวจสอบตรวจทานด้วยกระบวนการ วางแผนงาน วัดผลสำเร็จ และคิดวิธีแก้ไขปัญหาหรือผลกระทบอย่างเหมาะสม การปฏิบัติตนตาม “อิทธิบาท ๔” เพื่อให้มีอายุยืน สามารถทำการดูแล ส่งเสริมสุขภาพกายและจิตใจให้มีคุณภาพซึ่งจะส่งผลให้มีอายุยืนยาวได้
ดาวน์โหลด
|