หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » แม่ชีกุลภรณ์ แก้ววิลัย
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๖ ครั้ง
การศึกษาการปรับพฤติกรรมของสตรีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสังคมไทยยุคปัจจุบัน
ชื่อผู้วิจัย : แม่ชีกุลภรณ์ แก้ววิลัย ข้อมูลวันที่ : ๐๓/๐๒/๒๐๑๗
ปริญญา : พุทธศาสตรดุษฎีบัญฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระสุธีธรรมานุวัตร (เทียบ สิริญาโณ)
  พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๕๕๘
 
บทคัดย่อ

                                                    บทคัดย่อ


                 วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องพฤติกรรมของสตรีในพระพุทธศาสนา ๒) เพื่อศึกษาการปรับพฤติกรรมของสตรีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสังคมไทยยุคปัจจุบัน และ ๓) เพื่อนำเสนอการปรับพฤติกรรมของสตรีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสังคมไทยยุคปัจจุบัน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Method Research) ประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) และการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ผลการวิจัยพบว่า
                สตรีแต่ละคนมีผลกรรมที่เกิดจากความดี หรือความชั่วที่เคยทำไว้แตกต่างกัน ดังนั้นสตรีมีความประพฤติที่แสดงออกมาทางกาย วาจา ความคิด อารมณ์นั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พฤติกรรมของสตรีในพระพุทธศาสนา มี ๒ แบบ คือ ๑) พฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ เช่น การรักษาศีล ๕ การทำทาน และการปฏิบัติธรรม ๒) พฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์ของสตรี มีเฉพาะสตรีบางคน เช่น การใช้ปัจจัย ๔ อย่างฟุ่มเฟือย การใช้คำพูดไม่ดี ความริษยาและความโกรธ เป็นต้น นอกจากนี้จริตก็มีผลต่อพฤติกรรมด้วย จริตสามารถนำมาพิจารณาและใช้เลือกเฟ้นการปฏิบัติเพื่อให้เกิดการบรรลุธรรมที่รวดเร็ว ด้วยวิธีปฏิบัติกรรมฐานที่เหมาะกับจริตนั้นๆ
    การปรับพฤติกรรมของสตรีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสังคมไทยยุคปัจจุบัน พบว่า วิธีการปรับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่สอดคล้องกับงานวิจัยนี้ ๔ ด้าน พบว่าสตรีที่มีความรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ แล้ว สามารถนำความรู้และความเข้าใจนั้นมาเป็นการปฏิบัติธรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง โดยการมีสติระลึกรู้ได้ทันปัจจุบันในทุกๆ ขณะที่ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือในการทำหน้าที่การงานก็ปฏิบัติธรรมไปด้วย เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากระทบใจ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญสามารถฝึกใจให้รู้เท่าทันไม่หลงหรือไม่คล้อยตามอารมณ์ในเรื่องนั้นๆ และสามารถลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในด้านกาย วาจา ความคิด และอารมณ์สอดคล้องกับสตรีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ พบว่า ๑) ด้านกาย ๒) ด้านวาจา ๓) ด้านความคิด ๔) ด้านอารมณ์ มีคะแนนเฉลี่ยที่แสดงระดับพฤติกรรมก่อนการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง และหลังการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่     (t-dependent) แล้วพบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
                   นำเสนอการปรับพฤติกรรมของสตรีผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสังคมไทยยุคปัจจุบันพบว่า การปรับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของสตรีในพระพุทธศาสนาใช้การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยสตรีต้องมีการตระหนักรู้และเข้าใจภายในของตัวเอง ด้วยหลักและวิธีการปฏิบัติที่มีสติสัมปชัญญะที่จดจ่อต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีอารมณ์อยู่กับปัจจุบัน และสตรีต้องมีการมอบกายถวายชีวิตเพื่อการปฏิบัติจริงๆ และมีการปฏิบัติตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งนอนหลับในแต่ละวัน เช่น กำหนดสติในทุกอิริยาบถ ในทวารทั้ง ๖ การลดนิวรณ์ ๕ และต้องมีครูอาจารย์แนะนำ การปรับพฤติกรรมมี ๓ ขั้นตอน คือ ๑) ขั้นการรับรู้ ได้แก่ การคบสัตบุรุษ การฟังสัทธรรม และศรัทธา ๒) ขั้นการคิดตริตรอง ได้แก่ โยนิโสมนสิการ ๓) ขั้นการปฏิบัติ ได้แก่ สติสัมปชัญญะ อินทรีย์สังวร สุจริต ๓ สติปัฏฐาน ๔ โพชฌงค์ ๗ วิชชาและวิมุตติ

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕