บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์ 6 ประการคือ (1) เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจความจริงของชีวิตของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลอง ของกลุ่มทดลอง (2) เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจความจริงของชีวิตของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างหลังการปิดกลุ่มทันทีกับระยะติดตามผลหลังการปิดกลุ่ม 1 เดือน ของกลุ่มทดลอง (3) เพื่อเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้า ของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างก่อนการทดลองกับหลังการทดลอง ของกลุ่มทดลอง (4) เพื่อเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างหลังการปิดกลุ่มทันทีกับระยะติดตามผลหลังการปิดกลุ่ม 1 เดือน ของกลุ่มทดลอง (5) เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจความจริงของชีวิตของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม หลังการทดลอง และ (6) เพื่อเปรียบเทียบภาวะซึมเศร้าของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรัง ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม หลังการทดลอง
กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา เป็นผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้มาโดยการคัดกรองภาวะซึมเศร้า และมีความสมัครใจเข้าร่วมโครงการวิจัย แล้วสุ่มอย่างง่ายเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 8 คน โดยกลุ่มทดลองได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ (1) แบบประเมินความเข้าใจความจริงของชีวิต มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.762 (2) แบบวัดภาวะซึมเศร้า มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.658 และ (3) แบบประเมินในการเข้ารับบริการ มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.57 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า (1) ภายหลังการทดลอง ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีความเข้าใจความจริงของชีวิตสูงขึ้นกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (2) ภายหลังการปิดกลุ่มทันทีกับระยะติดตามผลหลังการปิดกลุ่ม 1 เดือน ของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีความเข้าใจความจริงของชีวิตไม่แตกต่างกัน (3) ภายหลังการทดลอง ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (4) ในระยะติดตามผลหลังการปิดกลุ่ม 1 เดือน ของผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีภาวะซึมเศร้าต่ำกว่าหลังการปิดกลุ่มทันที อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งแสดงว่าผู้ปกครองได้นำไตรสิกขาไปพัฒนาตนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้าใจความจริงของชีวิตทำให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ รู้จักวางท่าทีของจิตใจได้ถูกต้อง ทำให้มีความสุขและไร้ทุกข์อย่างแท้จริง (5) ภายหลังการทดลองผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีความเข้าใจความจริงของชีวิตสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (6) ภายหลังการทดลองผู้ปกครองที่ดูแลเด็กป่วยเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามหลักไตรสิกขามีภาวะซึมเศร้าต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ดาวน์โหลด
|