บทคัดย่อ
การพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 6
มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปการพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 6 ๒) เพื่อศึกษาหลักการทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการบริหารวัด ๓) เพื่อเสนอรูปแบบพัฒนาวัดของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๖ ให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) ระหว่าง การวิจัยเชิงคุณภาพ ที่ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 25 รูป/คน เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพ และผู้วิจัยได้ทำการสนทนากลุ่มเฉพาะจากผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐ รูป/คน เพื่อหาแนวทางรูปแบบในการพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค6 เพื่อรองรับกับแนวการพัฒนาดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาข้อมูลไปสู่การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้การศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ จากกลุ่มตัวอย่าง ๓16 โดยการแจกแบบสอบถาม เพื่อทราบสภาพทั่วไปการพัฒนาการบริหารวัดในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 6 ในแต่ละด้านตามหลักการและทฤษฎีการพัฒนาการบริหารวัดคือ 1) ด้านการวางแผน 2) ด้านการจัดองค์การ 3) ด้านการสั่งการ 4) ด้านประสานงาน 5) ด้านการควบคุม เพื่อให้ได้เป็นแนวทางที่เป็นมาตรฐานก่อนที่จะนำเสนองานวิจัยต่อสาธารณะ
ผลการศึกษาพบว่า
๑. สภาพทั่วไปการพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 6 ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า การพัฒนาการบริหารวัดมีปัญหาและอุปสรรคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องโครงสร้างในการบริหารวัด ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ขาดองค์ความรู้ ขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ ขาดงบประมาณ ขาดวัสดุอุปกรณ์ ขาดการทำงานแบบบูรณาการ รวมถึงกำหนดบทบาทตำแหน่งหน้าที่ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความไม่เข้าใจในภาระงานที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะสงฆ์ จึงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวัดเป็นอย่างมาก ศาสนทายาทมีจำนวนจำกัด มุ่งเน้นการศึกษามากกว่าการปฏิบัติ คุณลักษณะแนวทางในการปฏิบัติตนไม่เหมาะสม และขาดการคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามามีบทบาทในการจัดการ
๒. หลักการทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการบริหารวัดให้มีประสิทธิภาพในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 6 ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่ามีอายุ ๔๑ – ๕๐ ปี จำนวน 145 รูป คิดเป็นร้อยละ 45.88 มีตำแหน่งหน้าที่ เจ้าคณะตำบลขึ้นไปจำนวน 125 รูป คิดเป็นร้อยละ 39.56 และมีการศึกษาบาลีไม่มีประโยคจำนวน 268 รูป คิดเป็นร้อยละ 84.81 และมีการศึกษาสามัญในระดับปริญญาตรี จำนวน 170 รูป อัตราร้อยละ 53.80 ซึ่งแยกตามหลักการ POCCC (1) ด้านการวางแผนในการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง ( =๓.๐๔) ยังไม่มีประสิทธิภาพในการพัฒนา (2) ด้านการจัดองค์การ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปฏิบัติปานกลาง( =2.79)โดยภาพรวมด้านการจัดองค์การ ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนักแต่อยู่ในช่วงของการปฏิบัติในระดับปานกลางเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจัดตั้งองค์การในการพัฒนาบริหารวัดในพื้นได้ (3) ด้านการสั่งการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง( =3.45) ในการปฏิบัติการสั่งการในระดับปานกลาง (4) ด้านการประสานงาน ภาพรวมการประสานงานอยู่ในระดับการปฏิบัติปานกลาง( =3.26) (5) ด้านการควบคุมมีการปฏิบัติในการพัฒนาบริหารวัดในการปฏิบัติมาก( =3.62) ตรวจสอบผลการบริหารและการพัฒนาวัด ซึ่งในภาพรวมต่อการพัฒนาการบริหารวัดมีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง
๓. รูปแบบพัฒนาวัดของเจ้าอาวาสในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๖ ให้มีประสิทธิภาพ ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า การดำเนินงานตามหลักการบริหาร จากการวางแผน การจัดองค์กร การสั่งการ การประสานงาน และการควบคุมนำไปสู่ (1) การพัฒนาองค์กรปฏิบัติตามโครงสร้างการปกครองการบริหารตามพระราชบัญญัติของมหาเถระสมาคมโดยไม่ขัดแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัยและเพื่อความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์ (2) พัฒนางานส่วนของการทำงานของบุคลากรในองค์กร จำเป็นต้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการบริหารและดูแลคณะสงฆ์เพื่อให้ปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยการสร้างแรงจูงใจต่อการทำงาน และ (3) พัฒนาคน ถือว่าเป็นเป้าหมายสำคัญในการปกครองคณะสงฆ์ ต้องพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุน โดยเฉพาะผู้นำหรือเจ้าอาวาสในการปกครองคณะสงฆ์ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับระเบียบ ตามหลักของการปกครองภายใต้ภาวะผู้นำทีดี ทำให้การปกครองบรรลุเป้าหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ดาวน์โหลด
|