บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่อง “เกณฑ์ตัดสินความเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานในสังคมไทยตามหลัก สติปัฏฐาน ๔” โดยมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานในสังคมไทย (๒) เพื่อศึกษาความเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ (๓) เพื่อตัดสินความเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานของกัมมัฏฐานในสังคมไทยตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ผลการศึกษาพบว่า เกณฑ์ตัดสินความเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานอยู่ที่การเห็นนามรูปว่าไม่เที่ยง คือ มีเกิดแล้วดับ เป็นทุกข์คือถูกความเกิดละความดับบีบคั้นให้อยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และเป็นอนัตตาคือนามรูป ไม่มีตัวตนไม่สามารถบังคับให้เป็นไปตามใจปรารถนาได้ ดังนั้น จึงสามารถใช้เกณฑ์นี้มาเป็นเกณฑ์ตัดสินความเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานในสังคมไทยตามหลักสติปัฏฐาน ๔ สรุปได้ดังต่อไปนี้ ๑) วิธีพุทโธ การปฏิบัติตามสายพุทโธเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานในขั้นตอนที่ ๗ เพราะเป็นการวิธีพิจารณาโครงกระดูก มีการใช้สมาธิขั้นสูงเป็นฐานในการเจริญวิปัสสนาคือการเพ่งพิจารณากำหนดรู้ เมื่อพิจารณาตามวิธีการของสติปัฏฐาน จัดเข้าได้กับ กายานุปัสสี คือ ตามดูกาย ดูการเกิดดับของกาย ในส่วนของกระดูก ซึ่งเป็นอาการหนึ่งในอาการ ๓๒ จะรู้และสามารถเชื่อมโยงไปถึงอาการส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างกายได้หมดจนกระทั่งปล่อยวางได้ ๒) วิธีอานาปานสติ การเจริญวิปัสสนาวิธีอานาปานสติ ที่เริ่มตั้งแต่ขั้นที่ ๑๒ และจัดเป็นวิปัสสนาญาณอย่างแท้จริงในขั้นที่ ๑๓ คือ เห็นความไม่เที่ยงคือเกิดดับของปีติสุขและฌาน เมื่อพิจารณาตามวิธีของ สติปัฏฐาน จัดเข้าได้กับเวทนานุปัสสนา พร้อมตามดูความเกิดดับในเวทนาและในฌาน ๓) วิธีพอง-ยุบ การปฏิบัติตามสายพอง-ยุบ จัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐานเริ่มต้นที่การกำหนดพอง-ยุบ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ปฏิบัติสามารถจำแนกได้ว่า “อาการพอง ยุบ นั่ง ถูก” นั้น เป็นรูป ส่วนการกำหนดรู้อาการ พอง ยุบ นั่ง ถูก เป็นนาม จากนั้นใช้วิธีการกำหนดพองยุบซึ่งถือว่าเป็นการกำหนดเกิด-ดับ เชื่อมโยงไปถึงการกำหนดหรือตามดูเวทนา จิต และธรรมและการเกิดดับของสภาวะทั้ง ๓ นี้ ซึ่งอาศัยขณิกสมาธิเป็นฐาน และขณิกสมาธิสามารถพัฒนาไปถึงขั้นอุปจารสมาธิ ๔) วิธีสัมมาอะระหัง การปฏิบัติสายสัมมาอะระหังหรือธรรมกาย ไม่เป็นวิปัสสนา แม้ว่าจะมีการเจริญวิปัสสนาบ้าง แต่ไม่ชัดนัก คำอธิบายเกี่ยวกับความเป็นวิปัสสนาที่มีจุดยึดสำคัญ คือ ธรรมกาย ซึ่งเป็นกายที่พ้นไปจากสามัญญลักษณะ และธรรมกายนี้เองมีวิปัสสนาญาณเป็นตาเห็นสามัญญลักษณะ ฉะนั้น หากจะเทียบกับสติปัฏฐานแล้วไม่ถือว่าเป็นวิปัสสนา ๕) วิธีเคลื่อนไหว วิธีปฏิบัติเคลื่อนไหวหรือสายเคลื่อนไหวจะคล้ายกับวิธีปฏิบัติพอง-ยุบ คือ ใช้สติกำกับการเคลื่อนไหวอิริยาบถที่เคลื่อนไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดมีกำลังมากขึ้นสามารถเข้าไปดูความเกิดดับของความคิดและหยุดความคิด ถือว่าเป็นวิปัสสนาที่มีสมาธิเป็นฐานเมื่อได้ผ่านอารมณ์สมมุติแล้วพัฒนาเข้าสู่การรู้อารมณ์ปรมัตถ์ โดยใช้สติตามดูความคิด
ดาวน์โหลด