บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของการวิจัยเรื่องนี้มี ๓ ประการ คือ ๑) ศึกษาบริบทของอารมณ์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๒) ศึกษาวิธีการรับรู้และควบคุมอารมณ์ตามทัศนะพระพุทธศาสนาเถรวาท และ ๓) วิเคราะห์การรับรู้อารมณ์และวิธีการควบคุมปัญหาทางอารมณ์ รวมทั้งการปรับใช้ในการพัฒนาชีวิตตามทัศนะพระพุทธศาสนาเถรวาท งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เน้นศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร โดยสำรวจข้อมูลชั้นปฐมภูมิจากพระไตรปิฎก อรรถกถา สำรวจข้อมูลชั้นทุติยภูมิจากตำราวิชาการทางพระพุทธศาสนา อีกทั้งเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลจากการวิจัยพบว่า อารมณ์ คือ อายตนะภายนอก ๖ อย่าง ได้แก่ ๑) รูป ๒) เสียง ๓) กลิ่น ๔) รส ๕) โผฏฐัพพะ และ ๖) ธรรมารมณ์ วิธีการปฏิบัติเพื่อการควบคุมอารมณ์เรียกว่า หลักของบุญกิริยาวัตถุ หรือที่ตั้งแห่งการทำบุญที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ดังนี้ ๑) การเอื้อเฟื้อให้ปัน ๒) การรักษาศีล และ ๓) การอบรมสมาธิและปัญญา ๒ ประการ คือ การทำจิตใจให้สงบ (สมาธิหรือสมถะ) และการอบรมปัญญาให้เกิดขึ้น (วิปัสสนา) ทั้งสองอย่างนี้รวมเรียกว่า ภาวนา ผู้ปฏิบัติจำต้องเว้นจากความชั่วทั้งปวง บำเพ็ญความดี และชำระจิตใจของตนให้สะอาด ถ้าผู้ปฏิบัติหมั่นฝึกฝนอบรมมากขึ้นโดยปฏิบัติไปตามลำดับขั้นตอนและปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่นอดทนก็จะนำไปสู่ความสงบเยือกเย็นเพราะความสงบที่แท้จริงนั้นไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่นใด ค้นหาได้ภายในจิตใจของเรานี้เอง เพราะความทุกข์หรือความสุขเกิดขึ้นจากใจทั้งนั้น กล่าวโดยสรุป การที่จะทำจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาดปราศจากอารมณ์แห่งความโลภ ความโกรธ และความหลง คำสอนทางพระพุทธศาสนาให้ปฏิบัติตามหลักของบุญกิริยาวัตถุ ๓ โดยปฏิบัติตามลำดับดังนี้ คือ เริ่มต้นที่การให้ทาน อันเป็นการสละความตระหนี่ ความหวงแหนในทรัพย์สมบัติ ซึ่งต้องมีเจตนาให้เพื่อเสียสละอย่างแท้จริง ไม่ให้ด้วยหวังผลตอบแทน จากนั้นก็ปฏิบัติต่อด้วยการรักษาศีล ซึ่งจะเป็นข้อปฏิบัติเพื่อควบคุมกายวาจาให้เรียบร้อย ไม่ประพฤติผิดศีลธรรมตลอดจนกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งเมื่อมีศีลบริสุทธิ์แล้ว ก็จะนำไปสู่วิธีการขั้นสูงต่อไป ซึ่งได้แก่ภาวนามัย คือการฝึกอบรมจิตตามหลักกรรมฐาน เพื่อให้จิตใจเกิดความมั่นคง ไม่หวั่นไหว มีความสงบระงับดับอารมณ์ทั้งปวงลงได้ จัดเป็นผู้ฉลาดทางอารมณ์ที่สมบูรณ์ตามหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท ดาวน์โหลด