บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง ความพึงพอใจในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครสวรรค์ จำกัด มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาในการให้บริการของสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครสวรรค์ จำกัด ๒) เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครสวรรค์ จำกัด โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ๓) เสนอแนวทางการพัฒนาการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ต่อสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครสวรรค์ จำกัด เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพการบริการ
ผู้วิจัยได้ศึกษาหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับหลักการให้บริการ หลักความพึงพอใจ หลักสหกรณ์ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และได้กำหนดกรอบแนวคิดการวิจัย(Conceputual Framework) ประกอบด้วยตัวแปรต้น (Independent Variables) ได้แก่ข้อมูลทั่วไปของสมาชิกและตัวแปรตาม(dependent Variables) ได้แก่ระดับความพึงพอใจในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขนครสวรรค์ จำกัด ในการวิจัยนี้ ผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative Research) ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (SurveyResearch) ผู้วิจัยใช้สมาชิกที่สังกัดเฉพาะในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จำนวน ๒๗๐ คน เป็นกลุ่มประชากรตัวอย่าง ใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง(Purposive Sampling) ใช้การเปรียบเทียบจากตารางสำเร็จของ V.R.Krejcieและ D.W.Morgan ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย ที่มีลักษณะเป็นชนิดปลายปิด (Close ended Questionnaire)และชนิดปลายเปิด (Open ended Questionnaire) หาค่า IOC ได้มากกว่า ๐.๕๐ทุกข้อ ได้ค่าความเชื่อมั่นหรือค่าสัมประสิทธิ์ เท่ากับ ๐.๙๕๓ นำแบบสอบถามที่ผ่านการปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มประชากรตัวอย่าง
การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลที่ได้จากสมาชิกผู้ตอบแบบสอบถามนำมาวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติวิเคราะห์ความถี่ สถิติวิเคราะห์ค่าร้อยละ สถิติวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าเอฟ ที่มีค่านัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๕ ( ค่า F-test , sig ≤.๐๕ ) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (F-Test / One Way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะต้องทำการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยใช้วิธีผลต่างนัยสำคัญที่น้อยที่สุด ด้วยวิธีของ Scheffe
ผลการวิจัยพบว่า
๑) สภาพส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม กลุ่มอายุระหว่าง ๓๐ - ๕๐ ปีมีจำนวนมากกว่ากลุ่มอายุอื่น กลุ่มระดับการศึกษาปริญญาตรีมีจำนวนมากกว่ากลุ่มระดับการศึกษาอื่น กลุ่มตำแหน่งราชการ /ราชการบำนาญ มีจำนวนมากกว่ากลุ่มตำแหน่งราชการ /ราชการบำนาญอื่น กลุ่มระยะเวลาการเป็นสมาชิกมากกว่า ๒๐ ปีมีจำนวนมากกว่ากลุ่มระยะเวลาการเป็นสมาชิกอื่นและกลุ่มที่รายได้น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท มีจำนวนมากกว่ากลุ่มอื่น
๒) ระดับความพึงพอใจของสมาชิกในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าสมาชิกมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากทุกด้านเช่นกัน
๓) เปรียบเทียบความพึงพอใจของสมาชิกในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ โดยจำแนกตาม อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่ง ระยะเวลาการเป็นสมาชิก และรายได้ที่แตกต่างกัน สมาชิกมีความพึงพอใจในการให้บริการแตกต่างกัน
๔) ปัญหาและอุปสรรคในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ของสหกรณ์ที่พบมากที่สุดแต่ละด้านมีดังนี้ ๑)ด้านทาน เจ้าหน้าที่สหกรณ์บางคนไม่เต็มใจและไม่ใสใจในการให้บริการ ๒) ด้านปิยวาจา เจ้าหน้าที่สหกรณ์บางคนพูดจาไม่เพราะ ไม่สร้างสรรค์ และยังไม่ประทับใจสมาชิก ๓) ด้านอัตถจริยา สหกรณ์ให้ประโยชน์หรือความร่วมมือกับสมาชิกบางเรื่องยังไม่ดีเท่าที่ควรและยังไม่เสมอภาค และ ๔) ด้านสมานัตตตา เจ้าหน้าที่สหกรณ์บางคน ทำวางตนยังไม่เหมาะสม วางตนเหมือนนาย ไม่ค่อยเป็นกันเอง และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสมาชิกน้อยไป
แนวทางเพื่อการพัฒนา
จากผลการวิจัย ระดับความพึงพอใจของสมาชิกในการให้บริการตามหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ ของสหกรณ์ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก แสดงให้เห็นว่าการให้บริการของสหกรณ์ยังมีข้อบกพร่องสหกรณ์จะต้องมีการแก้ไข ปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีก ผู้วิจัยได้น้อมนำหลักธรรมสังคหวัตถุ ๔ เสนอเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาดังนี้ ๑) ด้านทาน ผู้ให้ควรจะให้ด้วยความเอื้อเฟื้อและจริงใจ ๒) ด้านปิยวาจา ผู้พูดควรจะพูดด้วยวาจาที่ไพเราะ น่าฟัง สร้างสรรค์และมีประโยชน์ ๓) ด้านอัตถจริยา คือการทำประโยชน์ให้แก่สมาชิก สหกรณ์ควรจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและความเสมอภาคเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ ๔) ด้านสมานัตตตา คือเจ้าหน้าที่สหกรณ์ทุกคนควรจะวางตนให้เหมาะสม เสมอต้นเสมอปลาย มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสมาชิกและให้ถือเสมอว่าสมาชิกคือบุคคลสำคัญที่สุดขององค์กร
ดาวน์โหลด
|