งานวิจัยเรื่อง“การพัฒนาคุณลักษณะผู้นาชุมชนในเขตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปในปัจจุบันของคุณลักษณะผู้นาชุมชนในเขตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒) เพื่อศึกษาการใช้หลักพุทธธรรม ทฤษฏีผู้นา ทฤษฏีการพัฒนาที่มีผลต่อการพัฒนาคุณลักษณะผู้นาชุมชนในเขตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๓) เพื่อเสนอรูปแบบการพัฒนาคุณลักษณะผู้นาชุมชนในเขตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยารูปแบบการวิจัยเป็นวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) โดยการวิจัย เชิงคุณภาพ ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth-Interview) จากผู้บริหารเทศบาลและคณะกรรมการชุมชนจานวน 15 ท่าน วิจัยเชิงปริมาณผู้วิจัยได้กาหนดกลุ่มตัวอย่างจากสมาชิกชุมชนจานวน 399 คน เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ค่าความถี่(Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (x̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) T-test, F-test (One Way Anowa) และ Multiple Linear Regression ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มประชากรที่เป็นสมาชิกชุมชนในเขตเทศบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผลการสารวจข้อมูลเชิงพรรณนาของกลุ่มประชากรจาแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า กลุ่มประชากรเป็นเพศชายและเพศหญิงในสัดส่วนประมาณ ๑:๑.๓ (เพศชาย จานวน ๑๗๔ คน คิดเป็น ร้อยละ ๔๓.๗๐ เพศหญิง จานวน ๒๒๔ คน คิดเป็น ร้อยละ ๕๖.๓๐) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีอายุอยู่ในช่วง ๓๐- ๓๙ ปี (จานวน ๑๔๕ คน คิดเป็น ร้อยละ ๓๖.๔๐) รองลงมามีอายุอยู่ในช่วง ๔๐-๔๙ ปี (จานวน ๑๑๑ คน คิดเป็น ร้อยละ ๒๘.๐๐) ระดับการศึกษาโดยส่วนใหญ่อยู่ระดับต่ากว่าปริญญาตรี (จานวน ๑๘๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๐๐) รองลงมาคือระดับปริญญาตรี (จานวน ๑๖ คน คิดเป็น ร้อยละ๔๒.๐๐) ตาแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในชุมชน (จานวน ๒๖๐ คน คิดเป็น ร้อยละ ๖๕.๓๐) รองลงมาคือประธานชุมชน (จานวน ๘๔ คน คิดเป็น ร้อยละ ๒๑.๑) กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทางานอยู่ในช่วง มากกว่า ๑๐ ปี (จานวน ๑๓๐ คน คิดเป็น ร้อยละ ๓๒.๗๐) รองลงมาอยู่ในช่วง ๗-๑๐ ปี (จานวน ๑๑๔ คน คิดเป็น ร้อยละ ๒๘.๖๐) ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชนของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มากกว่า ๑๐ ปี (จานวน ๓๐๖ คน คิดเป็น ร้อยละ ๗๖.๙๐)รองลงมาอยู่ในช่วง ๗-๑๐ ปี (จานวน ๕๒ คน คิดเป็น ร้อยละ ๑๓.๐๐) อาชีพของกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ข้าราชการการเมือง/สมาชิกเทศบาลและรับจ้าง จานวน ๘๗ คน คิดเป็น ร้อยละ ๒๑.๙๐ จานวน ๘๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๑.๔๐ และ จานวน ๘๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๑๐ ตามลำดับ
2. หลักพุทธธรรม ทฤษฎีผู้นา ทฤษฎีการพัฒนาที่มีผลต่อการพัฒนาคุณลักษณะผู้นาชุมชนในเขตเทศบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้นาชุมชนควรเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 โดยเฉพาะ 3 ด้าน คือ 1) มัตตัญญุตาหรือรู้ตน คือมีคุณธรรม จริยธรรม มีอุดมการณ์เชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้น ขยันอดทน อุทิศเวลาให้แก่งาน พัฒนาตนเอง มีความรับผิดชอบ ยอมรับความผิดพลาด มีวินัยในตนเองและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ชุมชน 2) ปุคคลปโรปรัญญุตาหรือรู้จักบุคคล คือรู้จักเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน สนับสนุนส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นกัลยาณมิตรต่อเพื่อนร่วมงาน มีความสามารถในการจูงใจคน สร้างขวัญกาลังใจให้เพื่อนร่วมงาน 3) ปริสัญญุตาหรือรู้ชุมชน คือ มีความรักในชุมชนที่อาศัย รู้ความต้องการของคนในชุมชน รู้วัฒนธรรมประเพณีของชุมชน เป็นผู้นาในการปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณีของชุมชน เป็นผู้นาในการอนุรักษ์ฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชน เป็นผู้นาในการสร้างอาชีพ ทฤษฎีคุณลักษณะผู้นา ผู้นาชุมชนควรมีลักษณะที่สาคัญ4 ด้าน คือ 1) ความเป็นกันเอง 2) ความเฉลียวฉลาด 3) ความมุ่งมั่น และ 4) ความมั่นใจในตนเอง
3. ผู้นาชุมชนควรเป็นผู้ที่มีความเก่งและความดีควบคู่กันไป ด้านความเก่งผู้นาชุมชน ควรมีคุณลักษณะดังนี้ มีความรู้ทางการศึกษา สามารถวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสและอุปสรรคของชุมชนได้ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลสามรถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนในอนาคตและเตรียมการลองรับได้แก้ไขปัญหาได้ทันเวลา มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผู้นาชุมชนสามารถคิดได้และกาหนดแนวทางในการพัฒนาชุมชนได้เอง มีความเฉลียวฉลาดมีการวางแผนการทางานผู้นาชุมชน ต้องวางแผนก่อนการทางานมีการกาหนดเป้าหมายในการทางานทุกครั้ง สามรถกาหนดมาตรฐาน ในการทางานได้มีการติดตามและประเมินผลการทางาน มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทางาน มั่นใจ ในตนเอง กล้าตัดสินใจ ด้านความดีผู้นาชุมชนควรมีคุณลักษณะดังนี้ มีคุณธรรมจริยธรรม สื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นสาคัญ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น รู้จักกาลเทศะ มนุษย์สัมพันธ์ดี วางตัวเหมาะสม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชุมชน มีความรับผิดชอบ ปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
|
ค้นหา 
.jpg)
