การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องการบริหารจัดการ
ประสิทธิภาพการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทย ๒) เพื่อศึกษาหลักการ
บริหารจัดการสาธารณสงเคราะห์ที่ดี ๓) เพื่อเสนอการบริหารจัดการประสิทธิภาพการสาธารณ
สงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทย ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดย ในการวิจัยเชิงปริมาณ ได้ใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นพระสงฆ์อนัมนิกาย จำนวน ๒๐๐ รูป นำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติอนุมาน ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยได้ ศึกษาจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลหลักที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒๖ รูป/คน และจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน ๙ รูป/คน ในการทำสนทนากลุ่มเฉพาะ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการประสิทธิภาพการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศ
ไทย นำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้สถิติพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
๑. แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการการบริหารจัดการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกาย ได้แก่ กระบวนการกำหนดทิศทางและวัตถุประสงค์ขององค์กร กำหนดการพัฒนา ทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละงาน การนำการพัฒนาไปปฏิบัติให้เกิดผลโดยจัดทำเป็นเอกสารที่ระบุ วิสัยทัศน์ ภารกิจ และการพัฒนาการการบริหารจัดการต่างๆ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการประสานงานและกำกับติดตามการดำเนินงานในส่วนต่างๆ ขององค์การ ให้เป็นไปในทิศทางและจังหวะที่สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้องค์การบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมถึงแนวทางการดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ของผู้ทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม และเป็นคุณประโยชน์ต่อการพัฒนาการการบริหารจัดการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกาย
๒. ปัจจุบันการบริหารจัดการประสิทธิภาพการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัม
นิกายในประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนามากขึ้น ดังจะเห็นได้จากแนวคิดของการบริหารจัดการประสิทธิภาพที่เป็นการบริหารตามแนวคิดใหม่ เน้นความเป็นระบบ โดยผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญงานด้านนี้ต้องเพิ่มบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการที่ดี ช่วยเป็นแรงผลักดันให้คณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน และมีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงท่ามกลางสภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลก จึงจำเป็นต้องพัฒนาแนวคิดหรือสมรรถนะใหม่ให้อยู่ในกรอบที่
เสริมสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ให้แก่องค์การ โดยมุ่งเน้นบุคลากรอย่างเดียว แต่มีมุมมองที่กว้างขึ้น ให้ครอบคลุมแนวคิดที่เน้น
๑) การสร้างการสาธารณสงเคราะห์ที่มีการวางแผนและมีประสิทธิภาพของบุคลากร
ในการบริหารงานอย่างมีคุณภาพ
๒) การส่งเสริมการวางแผนการใช้บุคลากรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ด้วยการ
เสริมสร้างความรู้ ความอบอุ่น เกิดความมั่นใจและรู้สึกมั่นคงและ
๓) การบริหารงานด้านการสาธารณสงเคราะห์เป็นศูนย์กลาง ในการบริหารงานที่มี
ประสิทธิภาพขององค์กร
๓. ในการบริหารจัดการประสิทธิภาพการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทย ให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการ คือ การประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการสร้างความอดทนและอุตสาหะในการแก้ไขปรับปรุงจัดการเพื่อทำการตัดสินใจสั่งการที่เป็นธรรม โดยต้องถือว่า
๑) เป็นงานที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นแม่แบบสำหรับการบริหารงานที่เกี่ยวกับการ
บริหารจัดการประสิทธิภาพในด้านอื่นๆ
๒) เป็นกระบวนการการบริหารจัดการประสิทธิภาพสำหรับกำหนดคุณภาพอย่าง
เพียงพอ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่คณะสงฆ์อนัมนิกาย และ
๓) เป็นกระบวนการการบริหารจัดการประสิทธิภาพเพื่อเตรียมบุคคลให้เหมาะสม
กับงานและเวลา รวมทั้งพัฒนากำลังคนให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายของคณะสงฆ์อนัมนิกาย
|