การวิจัยฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครู และนักเรียน ที่มีต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ๒) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและนักเรียนที่มีต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมของพระสงฆ์ในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามสถานภาพ เพศ อายุ การศึกษา และ ๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการสอนคุณธรรม จริยธรรมของพระสงฆ์ในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ศึกษาวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ครู และนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๒๒๐ คน ซึ่งใช้การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการและมาตราส่วนประเมินค่า ๕ ระดับ และแบบสอบถามปลายเปิด ซึ่งผู้ศึกษาสร้างขึ้นเอง โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .๙๕ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย(Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แบบสอบถามปลายเปิดวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท (Content Analysis Technique)
ผลการศึกษาพบว่า ๑.ความคิดเห็นของครูและนักเรียน ที่มีต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี พบว่าครูและนักเรียน มีความพึงพอใจต่อบทบาทพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน และด้านที่พระสงฆ์ปฏิบัติมากที่สุดคือ ด้านเทคนิคการสอน
๒.เปรียบเทียบความคิดเห็นของครู และนักเรียนที่มีต่อบทบาทของพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมของพระสงฆ์ในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอ บางแพ จังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามสถานภาพ เพศ อายุ และการศึกษา พบว่า สถานภาพ เพศ อายุ และการศึกษาของครูและนักเรียนที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อบทบาทพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรม จริยธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอ บางแพ จังหวัดราชบุรีโดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่เป็นตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ๓. ปัญหา อุปสรรคบทบาทของพระสงฆ์ในการสอนคุณธรรมจริยธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี พบว่า ด้านการเรียน การสอน พระสงฆ์เน้นการบรรยายมากกว่าปฏิบัติ ทำให้นักเรียนขาดความสนใจ นักเรียนดื้อ ไม่ตั้งใจเรียนไม่สามารถควบคุมนักเรียนในชั้นเรียนได้ สภาพห้องเรียนมีบรรยากาศไม่เหมาะต่อการเรียนการสอนพุทธศาสนา เนื้อหาการสอนมีมากไม่สอดคล้องกับเวลาที่ใช้ทำการเรียน การสอน เนื้อหาที่พระสงฆ์นำมาสอนไม่สอดคล้องกับหลักสูตร ด้านเทคนิคการสอน พระสงฆ์ขาดทักษะการถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียน พระสงฆ์ไม่จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายให้กับนักเรียน พระสงฆ์บรรยายเนื้อหามากกว่าการสอนที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้วิธีการสอนแบบเดิม ไม่น่าสนใจเรียน ด้านสื่อการสอน พระสงฆ์ขาดการนำสื่อการสอนที่ทันสมัยมาใช้ประกอบการเรียนการสอน พระสงฆ์ขาดทักษะในการผลิตสื่อที่ทันสมัยโดยเฉพาะสื่อที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ด้านการวัดและประเมินผล พระสงฆ์ใช้วิธีการวัดผลประเมินผล ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และหลักสูตรสถานศึกษา แนวทางการแก้ไข ๔. ข้อเสนอแนะ ด้านการเรียนการสอน พระสงฆ์ควรลดการบรรยายลง ควรให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและให้ผลิตสื่อที่เร้าใจโดยเฉพาะสื่อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ควรให้ครูพี่เลี้ยงเข้ามามีบทบาทในการควบคุมนักเรียนร่วมกับพระสงฆ์ควรปรับสภาพบรรยากาศในห้องเรียน ให้สอดคล้องกับการเรียนการสอนพระพุทธศาสนาควรปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน ด้านเทคนิคการสอน ควรอบรมเทคนิคการสอนที่หลากหลาย และนำไปใช้ให้เหมาะสมกับวัยของนักเรียน ควรอบรมพระสงฆ์ให้มีความรู้เกี่ยวกับการสอนในรูปแบบต่างๆ ควรจัดกิจกรรมเสริมการเรียนการสอนเช่น ค่ายพุทธบุตร การร่วมพิธีกรรมทางพุทธศาสนา การจัดกิจกรรมการแข่งขันตอบปัญหาธรรมะ ด้านสื่อการสอน ควรจัดอบรมให้พระสงฆ์ผลิตสื่อการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและสามารถใช้สื่อประกอบการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ ด้านการวัด และประเมินผล จัดอบรมให้พระสงฆ์มีความรู้เกี่ยวกับวิธีและกระบวนการวัดผลประเมินผลในรูปแบบต่างๆ ครูพี่เลี้ยงควรแนะนำสร้างความรู้ความเข้าใจ และควบคุมดูแลการวัดผลประเมินผลของพระสงฆ์
ดาวน์โหลด
|