วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์๓ประการคือ๑)เพื่อศึกษาความเป็นมาของวรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลาน ๒)เพื่อศึกษาหลักจริยธรรมทางพุทธศาสนาที่ปรากฏในวรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลานและ ๓) เพื่อศึกษาอิทธิพลของวรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลานที่มีต่อสังคมชาวอีสาน
ผลการวิจัยพบว่า วรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลานมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานโดยการสืบทอดด้วยระบบมุขปาฐะจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่ขาดสายของการสืบทอด มีลักษณะการประพันธ์ที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตน ที่ชาวอีสานใช้เป็นแนวทางในการครองตน ครองคน ครองงาน และครองสุข ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันในสังคมชาวอีสานโดยแท้
ในวรรณกรรมคำสอนเรื่องย่าสอนหลานนี้มีหลักจริยธรรมทางพุทธศาสนาปรากฏในวรรณกรรมคือ ๑.)สอนให้ศึกษาเล่าเรียน ๒.) สอนคนให้เป็นคน ๓.)สอนให้รู้จักทำบุญ ๔.) สอนให้รู้จักกินอยู่ ๕.) สอนให้รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ๖.)สอนไม่ให้ลืมตัว ๗.) สอนให้รู้จักการทำงาน ๘.) สอนเกี่ยวกับการพูดจา ๙.) สอนให้ละบาปสร้างบุญ หลักจริยธรรมทั้งหมดที่ปรากฏในวรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลานตรงกับหลักจริยธรรมในพุทธศาสนา ๓ ระดับ คือ ๑.) ระดับต้น หมายถึง เบญจศีล-เบญจธรรม ๒.) ระดับกลาง คือ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ และ ๓.) ระดับสูง ได้แก่ อริยมรรค ๘ ประการและมีหลักจริยธรรมอื่นๆโดยมีสังคหะวัตถุ พรหมวิหารธรรม และสมชีวิธรรม
นอกจากนี้ วรรณกรรมคำสอนเรื่องย่าสอนหลานมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตชาวอีสาน ๗ ด้าน คือ ๑) ด้านการศึกษา ๒) ด้านคติความเชื่อ ๓) ด้านหลักธรรม ๔) ด้านการทำความดี ๕) ด้านความกตัญญูกตเวที ๖) ด้านความสามัคคี ๗) ความไม่ประมาท และอิทธิพลที่มีต่อประเพณีอีสานใน ๓ ลักษณ์ คือ ๑) จารีตประเพณีอีสาน ๒) ขนบธรรมเนียมประเพณีอีสาน๓) ธรรมเนียมประเพณีอีสาน ทั้งหมดเป็นหลักพุทธจริยธรรมที่ปรากฏในวรรณกรรมคำสอนอีสานเรื่องย่าสอนหลานที่ชาวอีสานได้ยึดถือปฏิบัติตามจนถึงทุกวันนี้
|