วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาติรัจฉานวิชาในมุมมองของพระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาของติรัจฉานวิชาในสังคมไทย และ (๓) เพื่อศึกษาวิธีปฏิบัติตนตามหลักธรรมในการหลุดพ้นจากติรัจฉานวิชา ผลการวิจัยพบว่า
การศึกษาติรัจฉานวิชาในมุมมองของพระพุทธศาสนาเถรวาท พบว่า นิยามและความหมาย ของคำว่า “ติรัจฉานวิชา” คือ ความรู้ที่ขวาง ต่อการบรรลุมรรคผลและพระนิพพาน เพราะเป็นวิชาที่ทำให้หมกมุ่น เพลิดเพลิน ยึดติด ไม่ประกอบภารกิจหน้าที่อันพึงกระทำตามพระธรรมวินัย ปัจจุบันติรัจฉานวิชามีอยู่อย่างกระจัดกระจาย มุมมองของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับติรัจฉานวิชา ๔ ประการ คือ (๑) มุมมองเกี่ยวกับวิชาการดูดวง ดูฤกษ์ ดูยาม (๒) มุมมองว่าด้วยวิชาโหราศาสตร์ (๓) มุมมองว่าด้วยวิชาปลุกเสกเครื่องรางของขลัง (๔) มุมมองว่าด้วยการเข้าองค์ ทรงเจ้า ด้านการคงอยู่ของติรัจฉานวิชายังมีในปัจจุบัน เพราะยังมีการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับติรัจฉานวิชาซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับประโยชน์ที่เป็นแรงจูงใจให้มนุษย์หันหน้าเข้าสู่พระพุทธศาสนา ส่วนโทษของติรัจฉานวิชาทำให้บุคคลหลงงมงาย ห่างไกลจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นตัวขัดขวางไม่ให้บรรลุมรรคผล
สภาพการณ์และปัญหาของติรัจฉานวิชาในสังคมไทย พบว่า ติรัจฉานวิชาเกิดขึ้นเพราะอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ที่นับถือเทพเจ้าความเป็นมาของติรัจฉานวิชาในสังคมไทยมีมาก่อนพระพุทธศาสนาจะเข้ามา สภาพการณ์ของติรัจฉานวิชาขณะนั้นส่งผลให้บุคคลพึ่งคุณไสยจึงก่อให้ปัญหา คือ (๑) สังคมเกิดความขัดแย้ง (๒) สังคมมีความเชื่อที่ผิด (๓) สังคมเกิดความลุ่มหลงสิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ในสังคมปัจจุบัน
วิธีปฏิบัติตนตามหลักธรรมที่ทำให้หลุดพ้นจากติรัจฉานวิชา พบว่า วิธีการปฏิบัติตนในเบื้องต้น เป็นการปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา ๓ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา เพราะหลักไตรสิกขาเป็นหลักธรรมที่สำคัญในการกำจัดความโลภ โกรธ หลง และสามารถแก้ไขสภาพและปัญหาความเชื่อ การดูฤกษ์ ดูยาม ดูดวง เครื่องรางของขลัง เป็นต้น เพราะหลักธรรมไตรสิกขาสามารถพัฒนาจิตใจไม่ให้เกิดความงมงายได้ และพัฒนาตนไปสู่อริยมรรคตั้งแต่ความเห็นชอบ การเลี้ยงชีพชอบ เป็นต้น จะช่วยลด ละ เลิกต่อ ติรัจฉานวิชาได้ในที่สุด
|