วิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาพระพุทธบัญญัติที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก ๒) เพื่อศึกษาการล่วงละเมิดพระพุทธบัญญัติของภิกษุฉัพพัคคีย์ และ ๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์การล่วงละเมิดพระพุทธบัญญัติของภิกษุฉัพพัคคีย์
ผลการวิจัยพบว่า พระพุทธบัญญัติหมายถึงกฎระเบียบข้อบังคับที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้เพื่อปกครองภิกษุให้ประพฤติเรียบร้อยดีงาม ถือเป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนาเรียกว่า “พระวินัย หรือ ศีล ๒๒๗ ข้อ” ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่มีภิกษุประพฤติไม่ถูกต้องเหมาะสมหรือประพฤติเสียหายขึ้น จนชาวบ้านพากันตำหนิโพนทะนา ทรงรับทราบแล้วจึงให้ประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความจริงแล้วจึงทรงบัญญัติเป็นข้อห้ามไว้
พระภิกษุฉัพพัคคีย์ ได้แก่ พระปัณฑุกะ พระโลหิตกะ พระเมตติยะ พระภุมมชกะ พระอัสสชิ และพระปุนัพพสุกะ เดิมที เป็นสหายกันตั้งแต่ก่อนบวช อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี เมื่อบวชแล้วได้มีสมัญญานามปรากฏในพระพุทธศาสนาว่า “ฉัพพัคคีย์” หมายถึง ภิกษุที่มีพวก ๖ รูป ซึ่งพวกท่านทั้ง ๖ รูปเป็นภิกษุกลุ่มหนึ่งที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เหตุเนื่องจากอาศัยความคึกคะนองและความดื้อรั้นอันเป็นอุปนิสัยส่วนตัวและความไม่ละอายต่อความผิด ไม่มีความเอื้อเฟื้อต่อพระวินัย ได้สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่พระพุทธศาสนาอย่างมาก เป็นกลุ่มภิกษุที่เป็นต้นเหตุให้พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทมากที่สุด จัดเป็นอาทิกัมมิกะคือต้นบัญญัติและอนุบัญญัติจำนวน ๑๓๒ สิกขาบท ได้แก่ ปาราชิก ๒ สิกขาบท, สังฆาทิเสส ๓ สิกขาบท, นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๑๒ สิกขาบท, ปาจิตตีย์ ๔๒ สิกขาบท, ปาฏิเทสนียะ ๑ สิกขาบท และเสขิยวัตร ๗๒ สิกขาบท นอกจากนี้ยังเป็นต้นบัญญัติแห่งสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์อีกจำนวนมาก
ภิกษุฉัพพัคคีย์ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เป็นบุคคลที่อนุชนทั้งหลายไม่พึงประพฤติปฏิบัติตาม เพราะถ้าหากใครประพฤติปฏิบัติตามแล้ว ผลที่ได้จะเป็นไปในทางเสื่อมเสีย คือมีจริยามารยาทที่ไม่งดงามเรียบร้อย เป็นที่ติฉินนินทาและไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาปสาทะของชนทั่วไป ย่อมไม่เจริญในพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์คือพระนิพพานซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา
|