การศึกษาวิจัยนี้ มีจุดมุงหมายเพื่อศึกษากำเนิดโลกในศาสนาพุทธเถรวาทกับศาสนาคริสต์โดยมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ (๑) ศึกษากำเนิดโลกตามหลักคำสอนในศาสนาพุทธเถรวาท (๒) ศึกษากำเนิดโลกตามหลักคำสอนในศาสนาคริสต์ (๓) ศึกษาเปรียบเทียบกำเนิดโลกในความเหมือนและความต่างระหว่างศาสนาทั้งสอง การวิจัยเป็นการศึกษาเชิงเอกสาร
การวิจัยพบว่า “กำเนิดโลก” ในศาสนาพุทธเถรวาท หมายถึงแผ่นดินที่อยู่อาศัยของหมู่สัตว์ โลกเป็นสิ่งที่ต้องแตกสลายไปตามกาลเวลา โลกต้องอยู่ภายใต้อำนาจของกฎไตรลักษณ์ เป็นสิ่งไม่แน่นอน เกิดขึ้นตามกระบวนการของธรรมชาติ ศาสนาพุทธเน้นเสมอว่า โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้เป็นโลกียะมายาตั้งอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว มนุษย์ไม่ควรยึดติดกับโลกแบบนี้เกินไป มันเป็นเพียงโลกภายนอก และไม่ใช่หนทางนำสัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ได้ พระพุทธเจ้าพยายามสอนมนุษย์ให้หันมาศึกษาเรื่องโลกภายในตัวของเรามากกว่าโลกภายนอกตัวเรา โลกในศาสนาพุทธพระองค์ทรงแบ่งไว้เป็น ๓ ประเภท คือ ๑) สัตว์โลก ๒) โอกาสโลก และ ๓) สังขารโลก และทรงสอนว่าการหลุดพ้นจากโลกแห่งความทุกข์นี้ได้ต้องดำเนินตามมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นมรรคาที่จะนำสัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ได้
ส่วนกำเนิดโลกในศาสนาคริสต์นั้น หมายถึงแผ่นดินของพระเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่บนโลกนี้พระเจ้าเป็นสร้างขึ้นมาเอง พระเจ้าเป็นปฐมเหตุของโลก พระองค์เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติไม่มีสิ่งอื่นใดเหนือกว่าพระเจ้า ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์พระเจ้าเป็นผู้กำหนดควบคุมดูแลเสมอ พระเจ้าผู้ตัดสินทุกอย่าง และโลกต้องดำเนินไปตามอำนาจของพระเจ้าจัดสรร มนุษย์สามารถไปถึงสวรรค์ได้จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามคำสั่งสอนและจงรักภักดีต่อพระเจ้า
ในการเปรียบเทียบแนวคิดของศาสนาทั้งสองมีลักษณะคล้ายคลึงและแตกต่างกัน ดังนี้ ในด้านนิยามความหมาย ปฐมเหตุ วิวัฒนาการ และความสิ้นสุดของโลก มีลักษณะเหมือนและแตกต่างกันไปตามหลักคำสอนของแต่ละศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องการกำเนิดของโลกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้านกำเนิดของโลกระหว่างศาสนาทั้งสอง มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ ศาสนาพุทธ เถรวาทสอนว่า โลกเกิดขึ้นมาเองตามกระบวนการของธรรมชาติไม่มีใครเป็นผู้สร้างทั้งสิ้น เกิดขึ้นด้วยอาศัยเหตุปัจจัยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยดำเนินตามหลักธรรมปฏิจจสมุปบาทเป็นมูล ส่วนการเกิดขึ้นของโลกในศาสนาคริสต์ ชาวคริสต์เชื่อกันว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งขึ้นมา พระเจ้าเป็นสิ่งที่มีภาวะสูงสุดอยู่เหนือธรรมชาติ และมนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงอย่างที่พระเจ้าเป็น มนุษย์ที่พระเจ้าสร้างมาเป็นพิเศษกว่าสัตว์อื่นๆ โดยสร้างตามพระฉายาของพระองค์ และมนุษย์เป็นนายของสิ่งทุกอย่างในโลก พระองค์ทรงดลบันดาลโลกและสรรพสิ่งให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์
|