การศึกษาวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาวิธีการแก้ความเครียดในทางพระพุทธศาสนาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษาวิธีการแก้ความเครียดในทางคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก และ ๓) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบวิธีการแก้ความเครียดในทางพระพุทธศาสนาเถรวาทกับคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก โดยเป็นการศึกษาในเชิงเอกสาร แล้วนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เปรียบเทียบในเชิงพรรณนา ดังนี้
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ ๑ พบว่า ในพุทธศาสนาเถรวาทมีวิธีการแก้ไขปัญหาความเครียด ๒ แนวทางคือ ๑) แก้ไขความเครียดในระยะสั้น เป็นการแก้ไขปัญหาความเครียดเฉพาะหน้า วิธีนี้เป็นวิธีสำหรับผู้ที่หมกมุ่นในกามารมณ์หรือโลกียวิสัย เป็นความเครียดที่เกิดจากการละเมิดศีล ๕ หรือในการแสวงหาปัจจัย ๔ และสิ่งเสพบริโภคทั่วไป ๒) แก้ไขความเครียดในระยะยาว วิธีนี้แก้ความเครียดแบบถอนรากจากอกุศลมูล โดยผู้เครียดต้องรู้ว่าตนกำลังเครียดคือมีพื้นฐานจากอกุศลมูลคือมีสติ จากนั้นจึงเจริญสมถกัมมัฏฐานเพื่อควบคุมขอบเขตความเครียด แล้วเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานพิจารณาสภาวะของความเครียด มูลเหตุของความเครียดแล้วละความเครียดนั้นเสีย
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ ๒ พบว่า ในศาสนาคริสต์มีวิธีการแก้ไขปัญหาความเครียด ๒ แนวทางคือ ๑) แก้ไขความเครียดที่ตัวเองกำลังประสบอยู่ คริสตชนมองว่าความเครียดบางอย่างที่เขาประสบอยู่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงมอบ(หยิบยื่น)ให้แก่ผู้ที่อ่อนแอทางจิตวิญญาณได้ทดสอบความเข้มแข็ง จึงควรชำระตนด้วยการเข้าเงียบภาวนาใช้พระวจนะของพระเจ้ากล่อมเกลาจิตใจรวมถึงการสำรวจทบทวนชีวิต จิตใจ การกระทำของตนเมื่อมีความเครียดความทุกข์ ๒) แก้ความเครียดในระยะยาวที่ฝังลึก ด้วยการยอมรับการช่วยให้รอดจากพระเยซูคริสต์ เป็นการหมดทุกข์โดยสิ้นเชิง เพราะเป็นการเข้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า มีวิธีการคือการภาวนา การภาวนาของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก เป็นการติดต่อระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เป็นความสัมพันธ์ที่ยิ่งสนิทอย่างลึกซึ้งของมนุษย์กับพระเจ้า เป็นความสัมพันธ์ที่เป็นชีวิตที่เปรียบดังความสนิทสัมพันธ์ของใจดวงหนึ่งกับอีกดวงหนึ่งซึ่งเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อกัน
ผลการวิจัยตามวัตถุประสงค์ข้อที่ ๓ พบว่า เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ทั้งสองศาสนามองความเครียดเป็นสองระดับ และกำหนดวิธีการแก้ไขความเครียดไว้สองวิธีเช่นกัน แต่แตกต่างกันในแง่ของการเจริญสติภาวนาด้วยการยึดอารมณ์ โดยพุทธศาสนาสอนให้ควบคุมอารมณ์ที่ตนเองประสบอยู่มากำหนดขอบเขตพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงตามสภาวธรรมแล้วปล่อยวางไม่ยึดมั่น ไม่พึ่งพิงสิ่งภายนอกแต่อย่างใด ในขณะที่คริสต์ศาสนาสอนให้น้อมจิตศรัทธาเข้าเงียบภาวนายอมรับการช่วยให้รอดพ้นจากพระเจ้าและพระเยซูคริสต์เป็นต้น
|