การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการบริหารงานตามหลัก สาราณียธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบล ในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ๒) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการบริหารงานตามหลักสาราณียธรรม ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ๓) เพื่อศึกษารูปแบบในการนำหลักสาราณียธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานขององค์การบริหารตำบล ในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์
ในการวิจัยครั้งนี้ครั้งนี้ดำเนินการวิจัยโดยระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mixed Research) โดยวิธีวิจัยเชิงสำรวจ (Surrey Research) กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนทั่วไป ของอำเภอแม่วงก์ โดยเปิดตารางขนาดกลุ่มตัวอย่าง สำเร็จรูป R.v.Krejcie และ D.w. Morgan ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๔๐๐ คน โดยผู้วิจัยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Rondom Simpling) โดยใช้การจับสลากเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การหาความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า (t-test) ใช้ทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยสองกลุ่ม การทดสอบค่า F- test หรือทดสอบการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) ซึ่งเป็นการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ย ตั้งแต่สามกลุ่มขึ้นไป รวมทั้งการทดสอบการเป็นอิสระ (X2-test of Independent) ผลการศึกษาสามารถสรุป อภิปรายผลและมีข้อเสนอแนะ เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD ) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้
ผลการวิจัยพบว่า พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิงจำนวน ๒๕๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๘ ที่มีอายุส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง ๓๑-๔๐ ปี จำนวน ๑๕๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๘ ระดับการศึกษา อยู่ในระดับมัธยมศึกษา จำนวน ๑๗๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๘ มีอาชีพส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร จำนวน ๑๙๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๗.๐ มีรายได้อยู่ระหว่าง ๓,๐๐๑-๖,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๕๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๘ รองลงมามีรายได้ระหว่าง ๖,๐๐๑-๙,๐๐๐ บาท ต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๓
ระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการบริหารงานตามหลัก สาราณียธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบล ในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์
ผลการวิจัย พบว่า เมื่อมองในภาพรวมของประชาชนที่มีต้อการบริหารงานตามหลักสาราณียธรรม ขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ =๓.๕๑๕๔) หากพิจารณาตามรายด้านก็พบว่าด้านมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก คือด้านเมตตากายกรรม
(X̅ = ๓.๕๔๓๕)เมตตาวจีกรรม (X̅ = ๓.๕๑๘๕) เมตตามโนกรรม (X̅ = ๓.๕๔๗๕) และด้าน
ทิฎฐิสามัญญตา (X̅ = ๓.๕๓๑๕)ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับปานกลาง คือ ด้านสาธารณโภคี
(X̅ = ๓.๔๖๙๕) และด้านสีลสามัญญตา (X̅ =๓.๔๘๒๐)
ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลัก สาราณียธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลางแสดงให้เห็นว่าการบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบล ยังไม่สามารถบริหารงานตามหลักสาราณียธรรมได้ครบทุกด้านการบริหารงานยังขาดตก บกพร่องในเรื่องเหล่านี้ควรจะต้องได้รับการพัฒนาอีกมากการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลจะแสดงออกมาในรูปของผลงานเพราะว่าผลงานจะเป็นเครื่องวัดความสามารถ ทางการบริหารและเมื่อนำหลักสาราณียธรรมมาบริหารงานในองค์การบริหารส่วนตำบลมาก เพียงไรย่อมส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าของคนในชุมชนให้ได้รับความสุขอย่างถ้วนหน้า แต่ตรงกันข้ามหากการบริหารงานของอบต.ในแต่ละด้านบกพร่องย่อมเกิดความเสียหายต่อ การบริหารงานองค์การบริหารส่วนตำบลโดยรวม
|