การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (๑) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการบริหารสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี แห่งที่ ๑ (๒) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวความพึงพอใจต่อการบริหารสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี แห่งที่ ๑ ใน ๕ ด้าน คือ ด้านพระวิทยากร ด้านเนื้อหาสาระ ด้านสถานที่และสภาพแวดล้อม ด้านการปฏิบัติ และด้านกฎระเบียบ การวิจัย ครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ในเชิงปริมาณ ผู้วิจัยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๓๘๗ คน ที่มาปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี แห่งที่ ๑ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า ๕ ระดับ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และ ในเชิงคุณภาพ ผู้วิจัยศึกษาจากกลุ่มเฉพาะเจาะจงในการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕ ท่าน
ผลการวิจัย
๑. ผลการวิจัยพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการบริหารสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี แห่งที่ ๑ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน เมื่อพิจารณาแต่ละด้าน เรียงจากมากไปหาน้อย ผลการศึกษาที่ได้ คือ ด้านกฎระเบียบ ด้านพระวิทยากร ด้านการปฏิบัติ ด้านสถานที่และสภาพแวดล้อม และด้านเนื้อหาสาระ ตามลำดับ
๒. ข้อเสนอแนะแนวการบริหารสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี แห่งที่ ๑ พบว่า ด้านพระวิทยากร ควรบรรยายธรรมะด้วยเหตุผลเหมาะสมกับยุคสมัย ไม่กระทบตนเองและผู้อื่น ด้านเนื้อหาสาระ ควรจัดเนื้อหาโดยสอดแทรกและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมเข้าไปด้วย กล่าวแบบอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบให้เด่นและจัดเจนในเนื้อหา หลักการ แบบสติปัฏฐาน ๔ ด้านสถานที่และสภาพแวดล้อม เนื่องจากประชาชนเข้ามาหนาแน่นต่อรอบในการปฏิบัติ ควรมีระบบป้องกันความปลอดภัย และเพิ่มพื้นที่จอดรถในการรองรับผู้ปฏิบัติธรรมในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ ที่ทางวัดได้จัดกิจกรรมขึ้น ด้านการปฏิบัติ ควรมีการทบทวนในช่วงแรกหลังจากรับการอบรมแล้ว เพื่อความแม่นยำในการปฏิบัติธรรมในระยะเวลาที่เหมาะสม และด้านกฎระเบียบ ควรเน้นและย้ำกฎระเบียบ กติกา มรรยาทและข้อควรปฏิบัติ อยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการอยู่ร่วมกันในสถานที่ปฏิบัติธรรม
|