บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องประสิทธิผลการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อศึกษาประสิทธิผลการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ ๒) เพื่อเปรียบเทียบทัศนะของผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ต่อประสิทธิผลการบริหารจัดการสวัสดิการขั้นพื้นฐาน โดยจำแนกตามข้อมูลส่วนบุคคล ๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ ศึกษากับผู้ต้องขังหญิงกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๒๑๙ คน โดยได้คำนวณหาจำนวนขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการสุ่มประชากรโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) จาก จำนวนประชากร ๕๐๖ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ที่จัดทำขึ้นเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD ) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ ตลอดถึงแบบสัมภาษณ์ โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้จำแนกตามมาตรฐานความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ๕ ด้าน
ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของผู้ต้องขังหญิงต่อการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๓.๘๓) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน คือ ด้านที่นอน/ที่อยู่อาศัย, ด้านการอนามัย, ด้านเครื่องนุ่งห่ม, ด้านอาหารและด้านการรักษาพยาบาล พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน
ผลการเปรียบเทียบ พบว่า ผู้ต้องขังหญิงที่มีอายุต่างกัน มีทัศนะต่อการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานของเรือนจำกลางนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยภาพรวม ไม่แตกต่างกัน(sig = ๐.๐๖๓) จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ผู้ต้องขังหญิงที่มีอายุต่างกัน มีทัศนะต่อการบริหารจัดการสวัสดิการความจำเป็นขั้นพื้นฐานของเรือนจำกลางนครสวรรค์ ในด้านการอนามัยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ส่วนด้านอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน
ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาด้านการบริหารจัดการความจำเป็นขั้นพื้นฐานแก่ผู้ต้องขังหญิงในความควบคุมของเรือนจำกลางนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ คือ ๑)ที่นอนคับแคบเนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ต้องขังหญิงมีอัตราเกินความจุ ๒)บริเวณพื้นที่สำหรับใช้ฝึกวิชาชีพ โดยเฉพาะโรงงานฝึกวิชาชีพดอกไม้ อากาศถ่ายเทไม่สะดวกเท่าที่ควร ๓) น้ำสำหรับให้ผู้ต้องขังใช้อุปโภค ซักล้างและชำระร่างกายเป็นน้ำที่สูบจากแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงแม้จะผ่านกรองแล้วแต่สียังขุ่นดูไม่ถูกสุขลักษณะ ๔) พื้นที่สำหรับตากผ้ามีไม่เพียงพอ ๕) ห้องสุขามีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต้องใช้เวลาเข้าแถวรอเข้าห้องสุขานาน ๖) เครื่องนุ่งห่ม(เครื่องแบบผู้ต้องขัง) และผ้าห่ม ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ต้องขัง
ส่วนข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ได้แก่ ๑) ควรมีโครงการขยายเรือนนอนสำหรับผู้ต้องขังหญิง หรือย้ายระบายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำอื่นๆ ๒) ควรมีโครงการขยายต่อเติมอาคารโรงงานฝึกวิชาชีพดอกไม้ประดิษฐ์ให้เป็นสองชั้น เพื่อลดความแออัด ๓) ปรับปรุงระบบน้ำอุปโภค สำหรับผู้ต้องขังให้เป็นระบบน้ำประปาทั้งหมด ๔) กรณีพื้นที่ตากผ้าไม่เพียงพอ ทางเรือนจำควรจัดระบบการซักผ้าแบบอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องใช้พื้นที่ในการตากผ้า ๕) ควรมีโครงการขยายห้องสุขาบริเวณด้านนอกอาคารเรือนนอนเพิ่มเติม ๖) ขอรับจัดสรรงบประมาณ จัดซื้อเครื่องนุ่งห่ม(เครื่องแบบผู้ต้องขัง) ให้มีความเหมาะสมเพียงพอกับจำนวนผู้ต้องขัง
ดาวน์โหลด |