บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่องการศึกษาวิเคราะห์แนวคิดอิสรภาพแห่งจิตในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑. ศึกษาอิสรภาพในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ๒. ศึกษาอิสรภาพแห่งจิตในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ๓. วิเคราะห์แนวคิดอิสรภาพแห่งจิตของนักปราชญ์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท
งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์ในพระไตรปิฎก อรรถกถา คัมภีร์วิสุทธิมรรค คัมภีร์วิมุตติมรรคและเอกสารที่เกี่ยว แล้วจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการวิจัย
ผลการวิจัยพบว่า
๑). คำว่า “อิสรภาพ” ในภาษาไทย หมายถึง ความเป็นใหญ่ ความเป็นไทแก่ตัวเอง ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า อิสฺสริย ในภาษาบาลี หมายถึงความเป็นใหญ่และความเป็นอิสระ ดังคำอุทานของพระพุทธเจ้าว่า “สพฺพํ อิสฺสริยํ สุขํ ความเป็นอิสระทั้งปวง ก่อให้เกิดสุข” พระอรรถกถาจารย์อธิบายเป็น ๒ นัย คือ ความเป็นพระราชาและความเป็นอิสระที่เกิดจากฌานอภิญญาหรือความเป็นอิสระที่เกิดจากนิโรธซึ่งมีเหตุมาจากการบรรลุมรรคผลนิพพาน นักปราชญ์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ใช้คำว่า “อิสรภาพ” ในทางสภาวธรรม หมายถึงวิมุตติหรือความหลุดพ้นเป็นอิสระมีอยู่ ๕ ประเภท คือ ๑. วิกขัมภนวิมุตติ ๒.ตทังควิมุตติ ๓. สมุจเฉทวิมุตติ ๔. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ ๕. นิสสรณวิมุตติ สภาวลักษณะของอิสรภาพมี ๓ ประการ คือ ๑. สภาวลักษณะที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลสด้วยจิต เรียกว่า “เจโตวิมุตติ” ๒. สภาวลักษณะที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลสด้วยปัญญา เรียกว่า “ปัญญาวิมุตติ” ๓. สภาวลักษณะที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลสด้วยจิตและปัญญา เรียกว่า“อุภโตภาควิมุตติ”
๒). อิสรภาพแห่งจิต ได้แก่ จิตที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลสอันเกิดมาจากการฝึกอบรมความประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ประกอบอาชีวะเลี้ยงชีวิตโดยชอบธรรม และลดละเครื่องอุปโภคบริโภค ไม่ตกเป็นทาสของบริโภคนิยม จัดเป็นอิสรภาพทางกายและอิสรภาพทางสังคม การฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง มั่นคงแน่วแน่ ควบคุมตนเองได้ดี มีสมาธิ มีกำลังใจสูง มีจิตที่สงบผ่องใส เป็นสุข เป็นอิสระ บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่มารบกวนให้เศร้าหมอง ปรับปรุงจิตให้มีคุณภาพและสมรรถภาพสูงขึ้นถึงขั้นที่ว่าจิตมีเอกภาพ จัดเป็นอิสรภาพทางจิต ความเป็นอิสระหมดจดแห่งทิฏฐิ ที่เกิดจากการฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงจนถึงความหลุดพ้นมีจิตใจเป็นอิสระเสรีและมีความสงบพบกับสันติภาพอย่างแท้จริง จัดเป็นอิสรภาพทางปัญญา
๓). แนวคิดอิสรภาพแห่งจิตของนักปราชญ์ในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทนั้น ได้มีการใช้ภาษาไทยที่แตกต่างกันไปตามศัพท์บัญญัติทางภาษาศาสตร์ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) ใช้คำว่า จิตที่ว่างเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ใช้คำว่า จิตที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลส พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) ใช้คำว่า จิตที่ปล่อยวางความยึดถือในจิต จิตก็เป็นอิสระ พระโพธิญาณเถระ (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) ใช้คำว่า ใจที่ว่างและอิสระจากกิเลสความชั่วทั้งหลาย พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสัมปันโน) ใช้คำว่า จิตที่บริสุทธิ์เป็นอิสระจากกิเลส แต่ในทางปรมัตถ์หรือในทางสภาวธรรมแล้ว “อิสรภาพแห่งจิต” มีความหมายที่แท้จริงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือสภาวธรรมของจิตที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากกิเลส
ดาวน์โหลด |