บทคัดย่อ
การวิจัยวิจัยเรื่อง คุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจต่อคุณภาพ การให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ (๒)เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (๓) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และแนวทางการพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์
ในการวิจัยครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ประชาชนที่ได้รับบริการจาก สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์จำนวน ๒๗๙ คน โดยการ สุ่มแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) ด้วยการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เป็นแบบสอบถามที่จัดทำขึ้นเอง วิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบโดยการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test ) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกัน จึงทำการเปรียบเทียบรายคู่ โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD)
ผลการวิจัยพบว่า
คุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๔.๑๙) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน คือ ด้านกระบวนการขั้นตอนการให้บริการ ด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคุณภาพการให้บริการ และด้านความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการให้บริการ พบว่า อยู่ในระดับมาก ทุกด้าน
ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคลสรุปได้ว่า ประชาชนที่มีอายุต่างกัน มีความคิดเห็นต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนของ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ โดยรวมแตกต่างกัน (sig. = ๐.๐๑๑) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย ส่วนประชาชนที่มีเพศระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน มีความคิดเห็นไม่แตกต่าง จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย
ผลการศึกษา ปัญหา อุปสรรค และขอเสนอแนะ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชาชนที่มีอาชีพทำการเกษตรกรรม และรับจ้าง จึงทำให้ประชาชนไม่ได้รับข่าวสารจากทางราชการ และ ได้รู้ถึงสิทธิและประโยชน์ที่พึงได้รับและโทษที่จะได้รับตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ราชการควรจัดทำเอกสารเผยแพร่ และควรมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารจากทางราชการ และเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และการให้บริการแก่ประชาชนผู้มารับบริการจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนนครสวรรค์ ควรนำหลักพุทธธรรมมาใช้ เป็นยุทธวิธีประกอบการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างศักยภาพในการบริการให้แก่ประชาชน ด้วยการจัดทำหลักสูตรอบรมข้าราชการให้มีความรู้ ความเข้าใจ ถึงหลักพุทธธรรม และแนวทางปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักพุทธธรรม โดยจัดให้มีการหมุนเวียนฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เข้ารับการอบรมตามหลักสูตรพุทธธรรม เพื่อจะได้นำมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ดาวน์โหลด
|