บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษามโนทัศน์เรื่องชีวิต และความตายในพุทธปรัชญาเถรวาท เพื่อศึกษามโนทัศน์เรื่องชีวิตและความตายของกฤษณมูรติ และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบมโนทัศน์เรื่องชีวิตและความตายของพุทธปรัชญาเถรวาทกับกฤษณมูรติ เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary research) โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก คัมภีร์พระพุทธศาสนา เอกสารวิชาการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาเปรียบเทียบ เชิงวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า พุทธปรัชญาเถรวาท มองความจริงของชีวิตทั้งในแง่รูปธรรม และนามธรรม คือ กายและจิต ทั้งสองสิ่งเป็นสภาพความจริงแท้เช่นเดียวกัน แต่อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตามกฎไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีสิ่งใดเป็นสารัตถะ การเปลี่ยนแปลงของกายและจิตเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์อยู่ตลอดเวลา โดยหลักใหญ่พุทธปรัชญาเถรวาทได้แบ่งความตายออกเป็นสองชนิด คือ ความตายที่สิ้นสุดของร่างกายและจิตใจในภพชาติหนึ่ง เรียกว่าชีวิตินทรีย์ หากมีกิเลสอยู่ก็เป็นเชื้อแห่งปัจจัยให้เกิดความสืบเนื่องของชีวิตแห่งภพชาติอื่นต่อไป เพราะจิตมีสภาวะที่เกิดดับต่อเนื่องกันไปโดยสัมพันธ์กับรูปที่มีลักษณะเกิดดับตามเหตุปัจจัยที่มีอยู่ และความตายชนิดที่สอง คือ ความดับไปแห่งรูปนามทุกขณะแห่งสังขารธรรมนับครั้งไม่ถ้วนในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เรียกว่า ขณิกมรณะ ดังนั้น ในพุทธปรัชญาเถรวาทจึงให้ความหมายของความตายที่เป็นบทสรุปที่ครอบคุมทั้งในมิติของชีวิตในโลกปรากฏการณ์และมิติที่พ้นไปจากโลกปรากฏการณ์
ส่วนการศึกษามโนทัศน์เรื่องชีวิตและความตายในทัศนะของกฤษณมูรติ ทำให้ทราบถึงว่าความตายทางกายภาพซึ่งเป็นสิ่งที่กฤษณมูรติเห็นว่าเป็นความจริงหนึ่งเพราะเป็นสิ่งที่ประจักษ์อย่างเด่นชัด แต่เขาไม่เห็นด้วยกับบทสรุปที่นิยามความหมายของชีวิตและ ความตายไว้อย่างตายตัว เห็นว่าชีวิตมนุษย์มีการเคลื่อนไหวในความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่ามนุษย์จะมีคติความเชื่อแบบวัตถุนิยม หรือแบบจิตนิยม แต่ละรูปแบบล้วนเป็นความสืบเนื่องของจิตที่ความคิดสร้างขึ้น การเข้าใจชีวิตและความตายด้วยบทสรุป ทฤษฏี ความเชื่อต่างๆไม่สามารถทำให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวได้อย่างแท้จริง ชีวิตและความตายมิใช่สองสิ่งที่แยกจากกันได้
เมื่อนำทั้งสองแนวคิดมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นว่า พุทธปรัชญาเถรวาท และ กฤษณมูรติเห็นเหมือนกัน คือ ชีวิตมนุษย์ มีการเคลื่อนไหวในความสัมพันธ์และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทัศนะที่ต่างกัน คือ กฤษณมูรติ เห็นว่าความตาย เป็นการสิ้นสุดของความคิด ยุติความสืบเนื่องของความคิด เรียกว่า การตาย ส่วนพุทธปรัชญาเถรวาท การตาย เป็น การดับลงของขันธ์ ๕ และความดับไปแห่งรูปนามทุกขณะแห่งสังขารธรรมนับครั้งไม่ถ้วน แต่กฤษณมูรติไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการเวียนว่ายตายเกิด เนื่องจากกฤษณมูรติเห็นว่าบทสรุปทฤษฏีเหล่านี้เป็นเพียงเหตุผลซับซ้อนโดยความคิด ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่กำลังเป็นอยู่ โดยภาพ รวมมโนทัศน์เรื่องชีวิตและความตายในพุทธปรัชญาเถรวาทตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎไตรลักษณ์ ซึ่งทำให้เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ตามกฎไตรลักษณ์ ถึงขั้นเลยความเป็นตัวตน หรือเลยความเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง ส่วนไตรลักษณ์เรื่องชีวิตและความตายของกฤษณมูรติตั้งอยู่บนพื้นฐานของอัตตา ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ใน ทุก ๆด้านที่เชื่อมโยงอยู่กับอัตตา และยังไม่ถึงขั้นเลยความเป็นตัวตน
ดาวน์โหลด |