บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี (๒) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลและ (๓) เพื่อศึกษาปัญหา และแนวทางในการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีให้มีประสิทธิผล กลุ่มตัวอย่างที่เป็นพระสังฆาธิการที่บริหารกิจการคณะสงฆ์ของจังหวัดกาญจนบุรี ๔๓๒ รูป เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง โดยมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ ๐.๘๔๗ วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One.way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least.Significant Difference:.LSD)
ผลการวิจัยพบว่า
๑. พระสังฆาธิการมีความคิดเห็นว่าการบริหารกิจการของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี มีประสิทธิผลโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า พระสังฆาธิการมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ส่วนด้านอื่นๆ พระสังฆาธิการมีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง
๒. พระสังฆาธิการที่มีระดับการศึกษาสามัญต่างกัน มีความคิดเห็นต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี โดยรวม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ สำหรับพระสังฆาธิการที่มีมีอายุ พรรษา ระดับการศึกษาเปรียญธรรม ตำแหน่งหน้าที่ และประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันในทุกด้าน
๓. ผลการศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะต่อต่อประสิทธิผลการบริหารกิจการ ของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี พบว่า ๑)ไม่มีการวางแผนในการดำเนินงานของคณะสงฆ์ระยะยาวและขาดงบประมาณดำเนินการทุกด้าน ๒) ไม่มีการทำโครงสร้างการบริหารจัดการเป็นระบบหรือการบริหารทรัพยากรของคณะสงฆ์ที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์มากเท่าที่ควร ๓)ยังให้ความสำคัญต่อการศึกษาน้อยไป โดยมองว่าเรียนจบไปก็ไม่สามารถพัฒนาอะไรได้มากเพราะคณะสงฆ์ติดระบบศักดินาพอสมควร ๔) ขาดเจ้าหน้าที่ประสานงานระหว่างหน่วยงานราชการกับคณะสงฆ์ที่โดดเด่นหรือมีความสามารถเฉพาะด้านทำให้ระดมทุนในการบริหารงานคณะสงฆ์ได้น้อย ๕) ไม่มีการประเมินหรือขาดความรับผิดชอบระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ปฏิบัติงานอีกทั้งผู้ที่เข้าใจหรือเห็นความสำคัญในการบริหารจัดการของคณะสงฆ์ก็มีน้อยเกินไป
๔. ข้อเสนอแนะ คือ ๑) ต้องมีการวางแผนในการหาแหล่งงบประมาณที่จะมาใช้ในการบริหารวัดในทุกด้าน ๒) ต้องใช้โครงสร้างการบริหารงานในการกระจายอำนาจในวัดให้ทุกคนมีส่วนร่วมจะวางแผนอย่างไร ๓) ต้องส่งบุคลากรเข้ารับการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเสริมทักษะให้กับครูพระที่สอนทั้งพระและเด็กนักเรียนจะได้มีเทคนิคในการสอนอย่างไร ๔) ต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในการประสานงานกับระดับผู้บังคับบัญชาและแหล่งงบประมาณที่จะจัดหาอย่างไร ๕) ต้องมีการติดตามผลการปฏิบัติงานทุกครั้งที่สั่งงานเพื่อให้ได้ผลงานตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยต้องวางแผนการปฏิบัติอย่างไร
ดาวน์โหลด |