บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงพุทธของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ๒) เพื่อเปรียบเทียบระดับภาวะผู้นำเชิงพุทธของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามข้อมูลส่วนบุคคล ๓) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงพุทธของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์
การดำเนินการวิจัย เป็นการศึกษาโดยการใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ใช้วิธีการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) โดยเก็บรวมรวมข้อมูลจากข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งหมดจำนวน ๔๐๐ คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ทำการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ( Simple Random Sampling ) มาจากประชากร ได้จำนวน ๑๙๖ คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD )
ผลการศึกษาพบว่า ภาวะผู้นำเชิงพุทธของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรหลัก ทุติยปาปณิกสูตร ด้านจักขุมา ด้านวิธูโร ด้านนิสสยสัมปันโน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ส่วนมากเป็นเพศชายมีระดับการศึกษาต่างกันมีทัศนะต่อภาวะผู้นำเชิงพุทธ ไม่แตกต่างกัน ส่วนอายุ ระดับชั้นยศและตำแหน่งต่างกัน มีทัศนะแตกต่างกัน นั้นหมายถึงเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ทำให้มีความต่างในการใช้ภาวะผู้นำเชิงพุทธของข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรตามหลักทุติยปาปณิกสูตร แนวทางดำเนินงานในปัจจุบัน เพื่อความสำเร็จที่จะตามมาในอนาคต ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์เพื่อกำหนดทิศทางขององค์กร มีการแบ่งงานกันทำและการกระจายอำนาจ ใช้คนให้เหมาะกับงาน ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีและมีภาวะผู้นำ
ส่วนผลที่ได้รับนั้น ได้ทำการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ ให้มีวิสัยทัศน์ มีการจัดการ และมีมนุษยสัมพันธ์ ตามหลักทุติยปาปณิกสูตร และใช้หลักการจัดการองค์ความรู้ (KNOWLEDG MANAGEMENT) โดยมีการจัดประชุมทุกสัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์กันพบปะพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยเป็นระยะ เพื่อพัฒนาต่อไป
ดาวน์โหลด |