บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ ๑) เพื่อศึกษาการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ ๒) เพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ และประสบการณ์การทำงาน ๓) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมของผู้บริหารสถานศึกษา ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ กลุ่มประชากรที่ศึกษา ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ๒๐๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าความถี่ ใช้ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครู ใช้การทดสอบด้วยค่าที (t-test independent) และการทดสอบเอฟ (F-test) เมื่อพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทำการทดสอบความแตกต่างด้วยวิธีของเซฟเฟ่ (Scheffe’s) แนวทางการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมในการบริหารสถานศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาวิธี
ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่มี ต่อการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนในพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ โดยภาพรวม พบว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (มีค่าเฉลี่ย = ๓.๘๘) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ทุกด้านมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยดังนี้ด้านสัจจะ (มีค่าเฉลี่ย =๓.๙๙) ด้านทมะ(มีค่าเฉลี่ย = ๓.๙๓) ด้านขันติ (มีค่าเฉลี่ย = ๓.๗๙) ด้านจาคะ (มีค่าเฉลี่ย = ๓.๗๙) ตามลำดับ
การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่มีต่อการบริหารงาน บุคคลตามหลักฆราวาสธรรม ในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนในพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ จำแนกตามตำแหน่ง พบว่า พบว่า ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่มีต่อการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ จำแนกตาม ตำแหน่ง โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน ด้านขันติ ไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านจาคะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.๐๕ ด้านสัจจะและด้านทมะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ การเปรียบเทียบความคิดเห็น จำแนกตามประสบการณ์ พบว่า โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ จึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้ เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูที่มีต่อการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรม ด้านขันติและด้านจาคะ ไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านสัจจะ และด้านทมะ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .๐๑
แนวทางการบริหารงานบุคคลตามหลักฆราวาสธรรมในการบริหารสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน โรงเรียนในเขตพื้นที่ อำเภอบ้านฝาง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๑ ควรส่งเสริมหลักฆราวาสธรรม ธรรมสําหรับครองเรือนหรือธรรมสําหรับผู้อยู่ร่วมกัน ความซื่อสัตย์ต่อกัน การฝึกตน ความอดทนอดกลั้น การเสียสละ การแบ่งปัน มีน้ำใจคุณสมบัติของผู้ที่สามารถสร้างเกียรติยศ สร้างปัญญา สร้างทรัพย์สมบัติและสร้างหมู่ญาติมิตรให้เกิดขึ้นได้สำเร็จด้วยกำลังความเพียรของตน โดยเฉพาะนักบริหารควรปลูกฝังสัจจะให้เกิดขึ้นในจิตใจของตนเพื่อจะได้นำไปใช้ในการบริหารตนและบริหารคนให้ประสบความสําเร็จ การพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะมีความรู้ มาบริหารในครอบครัวหรือสถานศึกษาให้เจริญก้าวหน้ามีความอดทนไม่ย่อท้อ มีความเสียสละ ความแบ่งปัน การมีน้ำใจ เสียสละประโยชน์
ดาวน์โหลด |