บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง แรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตธนบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาระดับแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตธนบุรีและ ๒) ศึกษาความแตกต่างในระดับแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร:กรณีศึกษาผู้สูงอายุในเขตธนบุรี ซึ่งจำแนกแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพออกเป็น ๔ ด้าน คือ ด้านกายภาพ ด้านสังคม ด้านจิตวิทยา และด้านปัญญา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยทั้งสิ้นมี ๒๐๐ คน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบสมมติฐาน ด้วยการทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
ผลการวิจัยพบว่า
๑) กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (๖๔.๐๐%) มีอายุ ๕๕-๖๐ ปี (๕๕.๕๐%) มีอาชีพเดิม ราชการ/รัฐวิสาหกิจ (๓๒.๐๐%) มีรายได้ต่อเดือน ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท (๔๑.๐๐%) พักอาศัยกับครอบครัว (๘๑.๕๐%) มีโรคประจำตัว (๕๗.๕๐%) และกิจกรรมทางศาสนาที่ปฏิบัติบ่อยที่สุดคือ ทำบุญ/ให้ทาน/ตักบาตร (๕๔.๐๐%)
๒) ระดับแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่าง โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๔.๐๑) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า ด้านจิตวิทยามากที่สุด ( = ๔.๓๓)รองลงมา ด้านปัญญา ( = ๔.๓๐) ด้านสังคมและด้านกายภาพ ( = ๓.๖๗) ตามลำดับ
๓) ผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุและงานปัจจุบัน ที่แตกต่างกันมีระดับแรงจูงใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ โดยรวมทุกด้านแตกต่างกัน ผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่างที่มี เพศ อายุ อาชีพเดิม งานปัจจุบัน และกิจกรรมทางศาสนาที่ปฏิบัติบ่อยที่สุดแตกต่างกัน มีคุณภาพชีวิตด้านกายภาพที่แตกต่างกัน ผู้สูงอายุกลุ่มตัวอย่างที่มีงานปัจจุบัน รายได้ต่อเดือน แตกต่างกัน มีคุณภาพชีวิตด้านสังคมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
ดาวน์โหลด |