เข้าชม : ๒๑๐๔๓ ครั้ง |
ผลการพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ : กรณีศึกษาการดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี |
|
ชื่อผู้วิจัย : |
นางสาวกูล โพธิ์ทอง |
ข้อมูลวันที่ : ๐๗/๐๙/๒๐๑๓ |
ปริญญา : |
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา) |
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ : |
|
พระศรีคัมภีรญาณ, รศ.ดร.ป.ธ.๙, ศษ.บ., พธ.ม., Ph.D. (Pali and Buddhist Studies) |
|
ผศ.ดร.สิริวัฒน์ ศรีเครือดง, พธ.บ., M.A., Ph.D. (Psychology ) |
|
ผศ.ดร.ประยูร สุยะใจ, น.ธ.เอก, ป.ธ.๓, พธ.บ., B.J.,Dip. in SR., กศ.ม., M.A. (Po), M.A. (Eco), M.A. (Psychology), Ph.D. (Psychology) |
วันสำเร็จการศึกษา : |
๒๕๕๖ |
|
บทคัดย่อ |
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ เรื่อง “ผลการพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ กรณีศึกษาการดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี” นี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง และวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ คือ ๑)เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมและชุดกิจกรรมตามแนววิถีพุทธที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๒)เพื่อเสนอรูปแบบ (Model) การพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ ๓)เพื่อศึกษาผลการพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ เพื่อให้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย คลายทุกข์ ปล่อยวาง สว่าง ผ่องใส ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้ป่วยในโครงการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care) ของโรงพยาบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ที่รู้สึกตัวดี สามารถปฏิบัติกิจกรรมตามแนววิถีพุทธได้ และสมัครใจเข้าร่วมการวิจัย จำนวน ๑๐ ราย เครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม แบ่งเป็น ๔ ส่วน คือข้อมูลพื้นฐาน แบบประเมินความรู้สึกของจิตใจ ความเข้าใจ(ปัญญา) การรับรู้ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ด้วยข้อคำถามจำนวน ๑๒ ข้อ แบบประเมินความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ ด้วยข้อคำถามจำนวน ๑๕ ข้อ และแบบสัมภาษณ์ผู้ป่วยระยะสุดท้าย เกี่ยวกับความผาสุกทางจิตวิญญาณ และชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจากการค้นคว้าตำรา เอกสาร และงานวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาจิตผู้ป่วยระยะสุดท้าย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติพรรณนา โดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่ออธิบายข้อมูลทั่วไป ใช้สถิติอ้างอิง วิเคราะห์เปรียบเทียบผลการทดลองใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ ทั้งก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรม โดยสถิติ แบบ Paired test
ผลการวิจัยพบว่า
เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลองใช้ชุดกิจกรรมเพื่อพัฒนาจิตของผู้ป่วยระยะสุดท้ายตามแนววิถีพุทธ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ๐.๐๑ โดยหลังจาก ๗ วันแล้ว ด้านความรู้สึกของจิตใจ พบว่า มีการพัฒนาสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่คำนวณได้คือ ๐.๐๐ ด้านความเข้าใจ(ปัญญา) พบว่า มีการพัฒนาสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่คำนวณได้คือ ๐.๐๑ และความผาสุกทางจิตวิญญาณมีการพัฒนาสูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่คำนวณได้คือ ๐.๐๑ ส่วนการรับรู้ทางสังคมและสิ่งแวดล้อม พบว่า ไม่แตกต่างที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ
ในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้ป่วยระยะสุดท้าย และการสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย ร่วมกับการสังเกตสีหน้า แววตาของผู้ป่วย พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่กลัวความตาย การสวดมนต์ ทำให้ผู้ที่มีสีหน้าเศร้าหมอง เป็นทุกข์ กลับมีสีหน้าสว่าง ผ่องใส ความเป็นห่วงบุตรหลาน และรู้สึกหงุดหงิดคลายลง การภาวนาพุทโธ ทำให้มีความสงบ อาการปวดบรรเทาลง จิตใจมีสมาธิมากขึ้น การพูดคุยถึงบุญกุศลที่เคยทำ และความปรารถนาจะทำบุญกุศลตลอดไป ทำให้มีความสุข ความตั้งใจมากในการทำบุญ ถวายสังฆทาน มีจิตจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ และการแผ่เมตตา นำมาซึ่งความสุขใจ การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้รู้สึกสุขกายสุขใจ แสดงถึงความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ในโครงการดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
ดาวน์โหลด |
|
|
|
|