หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหาวีระ วีรญาโณ (วรานุสรณ์)
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๔ ครั้ง
ประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง
ชื่อผู้วิจัย : พระมหาวีระ วีรญาโณ (วรานุสรณ์) ข้อมูลวันที่ : ๐๖/๐๙/๒๐๑๓
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  ผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม พ.ม., พธ.บ., M.A., Ph.D. (Pol. Sc.)
  พระมหาบุญเลิศ อินทปญฺโ ผศ.ป.ธ.๗, พธ.บ.,ป.ขส.,ศศ.ม.รป.ม.
  อาจารย์ ดร.ยุทธนา ปราณีต พธ.บ., ร.บ., M.A., Ph.D. (Pol.Sc.)
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๕๕๖
 
บทคัดย่อ

 

บทคัดย่อ

 

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้  ๑) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง ตามความคิดเห็นของพระภิกษุและสามเณร  ๒) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ ๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ ต่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง  ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงสำรวจ (Survey  Research)  ซึ่งศึกษากับพระภิกษุสามเณรที่อยู่ในจังหวัดอ่างทอง  เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม แบ่งเป็น ๓ ตอน คือ ตอนที่ ๑ เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม  ตอนที่ ๒ เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของ
พระสังฆาธิการใน
 และตอนที่ ๓ เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหา  อุปสรรค  และข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่  ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที (t-test) และการทดสอบค่าเอฟ (F-test) โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One  way ANOVA) ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD (Least Significant Difference)

 

              ผลการวิจัยพบว่า

              ๑) ความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของพระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = ๓.๔๕) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า
พระสังฆาธิการมีประสิทธิภาพในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านการปกครอง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (
= ๓.๖๘), ด้านการศาสนศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๓.๕๓),
ด้านการศึกษาสงเคราะห์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (
= ๓.๑๒), ด้านการเผยแผ่ทางพระพุทธศาสนา โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = ๓.๓๔), ด้านการสาธารณูปโภค โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๓.๖๕), ด้านสาธารณสงเคราะห์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ( = ๓.๓๙)   พระสังฆาธิการมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือด้านการปกครอง อยู่ในระดับมาก ส่วน
พระสังฆาธิการมีประสิทธิภาพน้อยที่สุดคือด้านการศึกษาสงเคราะห์ อยู่ในระดับปานกลาง

               ๒) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบประสิทธิภาพของพระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง พบว่า พระภิกษุ สามเณรผู้ตอบแบบสอบถาม ที่มีวุฒิการศึกษาสามัญ
วุฒิการศึกษาทางธรรม และวัดในเขตอำเภอ แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพของ
พระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง ไม่แตกต่างกัน ส่วนพระภิกษุ สามเณรผู้ตอบแบบสอบถาม ที่มีสถานภาพ อายุ พรรษา และวุฒิการศึกษาทางเปรียญธรรม แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อประสิทธิภาพของพระสังฆาธิการในการบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง แตกต่างกัน

               ๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ ต่อประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ของพระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง พบปัญหาใน ๓ ด้าน คือ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และด้านการสาธารณสงเคราะห์ พระสังฆาธิการในจังหวัดอ่างทอง ให้ความอนุเคราะห์ สงเคราะห์ แก่พุทธศาสนิกชนไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร

 ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕