บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่องขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ที่ปรากฏในชาดกมีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาแนวคิดบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาดกของพระพุทธศาสนา (๒) เพื่อศึกษาการบำเพ็ญขันติบารมีในพระพุทธศาสนา (๓) เพื่อศึกษาวิธีการประยุกต์ใช้ขันติบารมีในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผลการศึกษาพบว่า
แนวคิดเรื่องบารมีและชาดกในพระพุทธศาสนา กล่าวตามความหมายระหว่างบารมีและชาดก คำว่าบารมี คือ การบำเพ็ญสะสมบุญเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ส่วนชาดกเป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ โดยการบำเพ็ญบารมีก็มีความแตกต่างกันออกไปและประเภทที่ได้รับก็มี ความแตกต่างกันด้วย เพราะโดยความสำคัญของชาดก คือ เพื่อใช้สอนธรรมะ เพื่อศึกษาธรรมะด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน เพื่อแก้ความสงสัยของพุทธศาสนิกชน มี ๒ ประเภท คือ ชาดกในนิบาตกับชาดกนอกนิบาต และชาดกทุกเรื่องจะมีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ (๑) ปรารภเรื่องคือ บทนำ จะกล่าวถึงมูลเหตุหรือที่มาของชาดก (๒) อดีตนิทาน หรือชาดก หมายถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่า (๓) ประชุมชาดก ประมวลชาดกเป็นเนื้อความตอนสุดท้ายของชาดก กล่าวถึงบุคคลในชาดก ว่าผู้ใดกลับชาติเป็นใครบ้างในปัจจุบันกาล
การบำเพ็ญขันติบารมีในพระพุทธศาสนา โดยมีลำดับความเป็นมาของการบำเพ็ญขันติบารมีของโพธิสัตว์ในชาดกที่ยาวนาน ซึ่งโดยความหมายของขันติบารมี คือ ความอดทนต่อ สิ่งต่างๆ และที่สำคัญเป็นเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฏกทั้งที่ปรากฏในอรรถกถาชาดกการบำเพ็ญขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาดกนั้นสอนให้บุคคลในปัจจุบันได้เห็นคุณค่าและประโยชน์ที่จะได้รับจากการบำเพ็ญขันติบารมี ลำดับเรื่องราวการบำเพ็ญขันติบารมีของ พระโพธิสัตว์ในชาดก มี ๒ ประเภท คือ อนิยตโพธิสัตว์และ (๒) นิยตโพธิสัตว์ ในส่วนของระดับขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาดกที่แตกต่างกัน คือ ขันติบารมีขั้นต้น ขันติอุปบารมีขั้น และขันติบารมีขั้นสูงสุด ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงขันติบารมีของพระโพธิสัตว์ในชาดก อันจะมีคุณค่าของขันติบารมีช่วยขจัดโทสะ การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง มีอำนาจและวาสนาดีเป็นที่นับถือทางสังคม แต่ในความเป็นจริงแล้ว จุดมุ่งหมายของพระโพธิสัตว์ต่อการบำเพ็ญบารมีก็เพื่อสะสมบุญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ปุถุชนก็สะสมไว้เพื่อให้ตนเองได้รับความสุข ความเจริญในการพัฒนาและดำเนินชีวิตของตนเองและผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
การประยุกต์ใช้ขันติบารมีในการพัฒนาชีวิต กล่าวคือ การนำขันติบารมีไปพัฒนาชีวิตสามารถพัฒนาได้ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ในด้านจิตใจนั้นจะต้องสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้น ส่วนทางด้านร่างกายจะต้องมีการดูแลรักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อขันติบารมีกับการรักษาศีล ๕ ในสังคมไทยเพื่อสกัดกั้นการล่วงละเมิดศีล ๕ สำหรับการประยุกต์หลักขันติบารมีไปใช้ในชีวิตประจำวัน คือ การพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันๆ แก่ร่างกายและจิตใจของเราไม่ให้อ่อนแอ เพราะโทษแห่งการขาดขันติบารมีนั้นสร้างความเดือดร้อนและเสียหายแก่ตนเองและผู้อื่น เช่น ความโทสะ ทำให้ทำร้ายร่างกายของผู้อื่นได้ เป็นต้น เมื่อสามารถบำเพ็ญขันติบารมีธรรมได้แล้วก็จะได้รับประโยชน์ของขันติ ๖ ประการกล่าว คือ (๑) ทำให้เป็นคนหนักแน่น ไม่อ่อนแอ ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญชีวิตทุกชนิดได้ (๒) ทำให้บุคคลมีมารยาทที่ดีงาม ไม่วู่วาม มักโกรธ (๓) ความอดทนช่วยพัฒนาคนให้เป็นบัณฑิต เป็นคนมีเสน่ห์น่ารัก (๔) ความอดทนเป็น บ่อเกิดของศีล สมาธิ และปัญญา (๕) ความอดทนเป็นเครื่องมือตัดต้นเหตุของความชั่วทั้งหลาย และ (๖) ความอดทนช่วยให้บุคคลประพฤติพรหมจรรย์บรรลุธรรมได้รวดเร็ว ดังเช่นที่ได้ปรากฏการบำเพ็ญขันติบารมีในชาดกของพระโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
ดาวน์โหลด
|