บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่อง “การพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศาสนสมบัติวัดของคณะสงฆ์ไทย” นี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ๑. ศึกษาแนวความคิดเรื่องการจัดการศาสนสมบัติของวัดและแนวทางการจัด การในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ๒. วิเคราะห์ถึงปัญหาในการจัดการศาสนสมบัติวัดของคณะสงฆ์ไทยในบริบท พ.ร.บ.คณะสงฆ์, กฎ, ระเบียบ, คำสั่ง, มติมหาเถรสมาคม และ ๓. เสนอแนวทางพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศาสนสมบัติวัดของคณะสงฆ์ไทย
ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยโดย ศึกษาการจัดการศาสนสมบัติวัดในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และศึกษาปัญหาทางหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดถึงวิธีการบริหารจัดการศาสนสมบัติวัด เพื่อให้ได้ข้อมูลมาใช้จัดทำแบบสอบถาม ให้ทราบถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน โอกาสและอุปสรรคในการดำเนินงาน จากเจ้าอาวาส และนำข้อมูลที่ได้เข้าสู่การประชุมสนทนากลุ่มเพื่อรับฟังการวิจารณ์ ต่อจากนั้นได้นำผลการประชุมกลุ่มไปทำการสัมภาษณ์เชิงลึก พระสังฆาธิการระดับพระมหาเถระ จำนวน ๕ รูป และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน ๔ ท่าน ได้ข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการตามโครงสร้าง ๔ มิติ ได้แก่ ด้านพระธรรมวินัย ด้านกฎหมาย ด้านการบริหารจัดการ และด้านสังคม
ข้อค้นพบที่ในการวิจัยนี้ ได้แก่ ๑. ในทางคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามีขอบเขตของการครอบครองและจัดการทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติหรือทรัพย์สินของสงฆ์ที่เป็นส่วนรวม และจัดการไปตามหลักการทางพระธรรมวินัย ๒. พระสงฆ์เองควรตระหนักว่าการบริหารจัดการศาสนสมบัติ แม้จะอยู่ในอำนาจหน้าที่ แต่เป็นลักษณะของทางโลกซึ่งมีปัญหาในข้อกฎหมายหลายประการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นพระสงฆ์โดยเฉพาะที่เป็นพระสังฆาธิการต้องระมัดระวังและจัดการให้ตั้งอยู่บนฐานของความสุจริตและโปร่งใส ๓. ปัญหาในการจัดการศาสนสมบัติวัดของคณะสงฆ์ไทยนั้น พบว่าเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง เพราะเป็นลักษณะตามธรรมชาติของกิจการทางโลก ที่มีต้นตอของปัญหาจากคุณภาพ และคุณธรรมของบุคลากร ดังนั้นข้อเสนอที่ได้รับจากการประชุมกลุ่ม และการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าต้อง ยึดหลักการทำงานตามความถนัด และคัดเลือกคนให้เหมาะกับงาน ด้วยเหตุนี้จึงควรให้เจ้าอาวาสจัดหามืออาชีพมารับงานด้านศาสนสมบัติไปทำแทน ซึ่งจะทำให้พระสงฆ์ไม่ต้องมีภาระมาทำงานด้านนี้ แต่จะได้รับประโยชน์จากภาระงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ ซึ่งอาจมีผลผลิตดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ วิธีนี้เป็นระบบเกื้อกูลที่มีคุณภาพ ที่ใช้อยู่ในวงการต่างๆ ของทางโลก
ดาวน์โหลด |