บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ เรื่อง “ศึกษาปรากฏการณ์ของโอภาสในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาตามหลักสติปัฏฐาน ๔” มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาตามหลัก สติปัฏฐาน ๔ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาโอภาสที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท และ (๓) เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ของวิปัสสนูปกิเลสเฉพาะโอภาสในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาตามหลักสติปัฏฐาน ๔
การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ เน้นการวิจัยเอกสารโดยการศึกษาข้อมูลจากตำราพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วรวบรวมข้อมูล เรียบเรียง บรรยายเชิงพรรณนาและตรวจสอบความถูกต้อง โดยอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนาภาวนา
ผลการวิจัยพบว่าโอภาสนี้อาศัยศรัทธาเป็นบ่อเกิดดุจดังเรื่องที่ได้ยกมาแสดงข้างต้นนั้น ความจริง แสงสว่างหรือโอภาส เป็นสิ่งที่คนมักเข้าใจผิดที่ไปพบเห็นกันในธรรมชาติว่าเป็นของวิเศษหรือบางคนนั่งสมาธิแล้วเห็นแสงต่างๆแล้วคิดว่าเป็นของดีของวิเศษคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษที่ได้พบแสงสว่างดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่ใช่โอภาสในทางวิปัสสนา เพราะเป็นแสงสว่างที่เกิดจากความเชื่อที่งมงาย ไร้สาระ ไร้เหตุผล แต่แสงสว่างที่เป็นวิปัสสนานั้นเกิดจากความศรัทธาในเหตุผล อีกอย่างหนึ่งแสงสว่างที่เรียกว่าโอภาสนี้ต้องเกิดจากความศรัทธาในการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ อย่างจริงจัง ตั้งแต่ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี ผลที่ได้รับในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ หมวดธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในช่วงเกิดสภาวญาณทางปัญญาโดยเฉพาะญาณที่ ๔ อย่างอ่อนหรือเรียกว่า ตรุณอุทยัพพยญาณ ช่วงนี้เรียกว่าอารัทธวิปัสสนา ผู้เริ่มวิปัสสนา ซึ่งในช่วงนี้จะพบสภาวธรรมแปลก ๆ ๑๐ ประการ มีแสงสว่างเป็นต้น ด้วยอำนาจแห่งปัญญาที่รู้แจ้งรูปนามโดยความเป็นไตรลักษณ์อย่างช่ำชอง จึงทำให้ผู้ปฏิบัติมีความรู้สึกวางเฉยในรูปนามเรียกว่า วิปัสส-นุเปกขา ถ้าบุคคลใดมีความยินดีพอใจในแสงสว่างเป็นต้นจนถึงความวางเฉยดังกล่าว ชื่อว่า ทำให้วิปัสสนาเศร้าหมอง
ความสำคัญของโอภาสที่เกิดจากการปฏิบัติวิปัสสนาคือช่วยให้ค้นพบ ;วิปัสสนาญาณที่จริงเมื่อผ่านพ้นโอภาสไปแล้ว ดังหลักฐานในคัมภีร์วิสุทธิมรรคว่า วิปัสสนูปกิเลสย่อมไม่เกิดแก่พระอริยสาวกผู้ได้บรรลุมรรคผลแล้ว แก่บุคคลผู้ปฏิบัติผิดทาง บุคคลผู้ทอดทิ้งกัมมัฏฐาน และบุคคลผู้เกียจคร้านย่อหย่อนในการปฏิบัติ แต่จะเกิดขึ้นเฉพาะแก่โยคีผู้ปฏิบัติอย่างยิ่งยวด จนได้ชื่อว่า อารัทธวิปัสสกะเท่านั้น
ในด้านการปฏิบัติวิปัสสนานั้นโอภาส เกิดจากการเจริญวิปัสสนาตามหลักสติปัฏฐาน เป็นการปฏิบัติที่เน้นสติเป็นใหญ่ในการกำหนดระลึกรู้รูปนามซึ่งเมื่อขยายออกไปแล้วได้แก่ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔ และปฏิจจสมุปบาท ๑๒ ธรรมเหล่านี้เรียกว่า วิปัสสนาภูมิ หมายถึงอารมณ์ของวิปัสสนา ที่ชื่อว่า วิปัสสนา หมายถึงสภาวะการรู้แจ้งในอารมณ์ดังกล่าวโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เมื่อผู้ปฏิบัติกำหนดรูปนามโดยความเป็นไตรลักษณ์ได้อย่างชัดเจนเช่น ขันธ์ ๕ โดยลักษณ์ ๕๐ อย่างตามหลักทางศาสนา ก็จะเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในแนวทางการปฏิบัติดังกล่าว โดยมีสติระลึกรู้อยู่ในรูปนามที่เป็นอารมณ์ของวิปัสสนาภาวนา ความศรัทธาในพระรัตนตรัยจึงจนพบสภาวะของโอภาสคือแสงสว่างอันเกิดจากความศรัทธาในแนวทางการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต และสภาวธรรม
ดาวน์โหลด |