บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ ศึกษาหลักธรรมในมหาหัตถิปโท-ปมสูตร และศึกษาการเจริญวิปัสสนาหมวดธาตุมนสิการบรรพะ โดยศึกษาจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท ได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และคัมภีร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรียบเรียงบรรยายตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
จากการศึกษาพบว่า มหาหัตถิปโทปมสูตร เป็นพระสูตรที่พระสารีบุตรกล่าวอุปมาถึงรอยเท้าสัตว์ทั้งหลายรวมลงในรอยเท้าช้าง กุศลธรรมทั้งหลายนับเข้าในอริยสัจ ๔ โดยชื่อพระสูตรตั้งตามเนื้อหาใจความสำคัญ ในพระสูตรได้อธิบายละเอียดถึงทุกขอริยสัจ แสดงถึงการที่มนุษย์ทุกข์เพราะความเข้าไปยึดมั่นในขันธ์จึงกลายเป็นอุปาทานขันธ์ อันว่าโดยย่อได้แก่ รูปขันธ์ นามขันธ์ ในรูปขันธ์ประกอบเพียงธาตุ ๔ โดยชี้ประเด็นที่ทุกขเวทนานั้นเกิดจากมหาภูตรูปใดมหาภูตรูปหนึ่งกำเริบเท่านั้น พร้อมทั้งกล่าวถึงการปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อความพ้นทุกข์
การเจริญวิปัสสนาในพุทธศาสนามีทางสายเดียว คือ สติปัฏฐาน ๔ ได้แก่ กายานุปัส-สนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา และธัมมานุปัสสนา ในการพิจารณากายในกายนั้นธาตุ-มนสิการบรรพะเป็นหนึ่งในวิธีการปฏิบัติวิปัสสนา โดยแนวการปฏิบัติเหมือนกับในมหาหัตถิปโท-ปมสูตร การพิจารณากายประกอบเพียงธาตุ ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม จนเห็นลักษณะหรืออาการของธาตุนั้น ๆ มีวิธีการกำหนด ๒ ลักษณะ ๑) แบบย่อ กำหนดลักษณะหรืออาการของธาตุ ๒) แบบพิสดาร คือ กำหนดพิจารณาแยกออกเป็นส่วน ๆ
การเจริญธาตุมนสิการในขณะกำหนดอิริยาบถต่าง ๆ ถ้าลักษณะอาการของธาตุปรากฏให้ผู้ปฏิบัตินำสภาวธรรมเหล่านั้นมากำหนดพิจารณา ซึ่งผู้ปฏิบัติสามารถสังเกตลักษณะชัดเจนของธาตุ คือ ธาตุดิน มีลักษณะแข็ง-อ่อน ธาตุน้ำ มีลักษณะซึม-ซาบ ธาตุไฟ มีลักษณะร้อน-เย็น ธาตุลม มีลักษณะหย่อน-ตึง สติที่เข้าไปตั้งมั่นพิจารณาเห็นสภาวธรรมสามารถยกขึ้นสู่อารมณ์วิปัสสนาเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดละความยึดมั่นในรูปขันธ์
ดาวน์โหลด |