บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ เรื่อง การอบรมเลี้ยงดูของชาวพุทธที่มีต่อความเชื่อในการให้ทานและพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิจัย ๑) เพื่อศึกษาการอบรมเลี้ยงดูของชาวพุทธ : กรณีศึกษา อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ๒) เพื่อศึกษาความเชื่อในการให้ทาน และพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น: กรณีศึกษา อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ๓) เพื่อเปรียบเทียบการอบรมเลี้ยงดูของชาวพุทธกับ ความเชื่อในการให้ทาน และพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น : กรณีศึกษา อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ๔) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการอบรมเลี้ยงดูของชาวพุทธต่อความเชื่อในการให้ทาน และพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น : กรณีศึกษา อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร จำแนกตามข้อมูลทั่วไป
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๒๒ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบความแตกต่างด้วยค่าที (t-test)และค่าเอฟ(F-test) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient)
ผลการวิจัยพบว่า
๑. อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นเพศ หญิง ๑๗๐ คน (๗๕.๕๘%) มีอายุระหว่าง ๒๐ – ๓๐ ปี ๖๔ คน (๒๘.๘๒%) มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไป ๑๓๕ คน (๖๐.๘๒%) อาชีพเป็นลูกจ้างทั่วไป ๖๕ คน (๒๙.๒๘%) มีประสบการณ์ปฏิบัติธรรมต่ำกว่า ๑ ปี ๑๐๔ คน (๔๖.๘๕%) มีจำนวนสมาชิกในครอบครัว ๖ คนขึ้นไป ๗๖ คน (๓๔.๒๓%) และมีลำดับการเกิดเป็นบุตรคนที่ ๑ จำนวน ๗๒ คน (๓๒.๔๓%)
๒. การอรบรมเลี้ยงดูของอุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราช โดยภาพรวม อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๑๙ เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า พ่อแม่สอนให้มีความตั้งใจในการแสวงหาความรู้ในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา อยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ ๔.๘๒ ดังนั้นพ่อแม่ที่ให้การอบรมเลี้ยงดูเพื่อส่งเสริมให้เป็นคนดีมีคุณธรรมตามแนวพุทธ เป็นพ่อแม่ที่มีลักษณะทางพุทธสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการดำเนินชีวิตประจำวันตามวิถีทางแบบพุทธ ที่สำคัญคือ ยึดมั่นในการปฏิบัติตนตามหลักธรรมพื้นฐาน อันได้แก่ การบริจาคทาน การรักษาศีลห้าและหมั่นปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นผู้ที่มีสุขภาพจิตดีและให้การปฎิสัมพันธ์กับบุตรอย่างใกล้ชิดและมีคุณภาพ
๓.อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มีเพศ อายุต่างกัน มีความเชื่อในการให้ทานและพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่นแตกต่างกันโดยภาพรวมและรายด้านมีความแตกต่างกันด้านความเชื่อในการให้ทานและความเชื่อด้านสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๑ และ ๐.๐๕
๔. อุบาสก อุบาสิกาที่มาปฏิบัติธรรมในวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร มีประสบการณ์ปฏิบัติธรรมต่างกัน มีความเชื่อในการให้ทานและพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่นแตกต่างกันโดยรายด้านมีความแตกต่างกันด้านความเชื่อด้านจิต-ปัญญาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
๕. ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการอบรมเลี้ยงดู แบบประชาธิปไตย แบบรักสนับสนุน และแบบพุทธที่มีผลต่อความเชื่อในการให้ทาน และพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ฉะนั้น การบรมเลี้ยงดูแบบสนับสนุน แบบประชาธิปไตย และแบบพุทธ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกฝังความเชื่อการให้ทานและพฤติกรรมการช่วยเหลือต่อผู้อื่น
ดาวน์โหลด |