ตอบ : พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล ผู้หญิงที่บวชเรียกว่า ภิกษุณี สายการบวชภิกษุณีนับแต่ครั้งพุทธกาล มีความเป็นมาต่อเนื่องกันนานกว่า ๑,๐๐๐ ปี และสูญไปพร้อมกับภิกษุสงฆ์ เมื่อประเทศอินเดียถูกรุกรานในพุทธศตวรรษที่ ๑๗
คณะภิกษุณีโดยการนำของพระนางสังฆมิตตาเถรี พระธิดาในพระเจ้าอโศกมหาราช ได้รับการนิมนต์จากพระเจ้าเทวารัมปิยติสสะ ให้ไปประดิษฐานภิกษุณีสงฆ์ในลังกา เมื่อ พ.ศ.๒๔๖ ภิกษุณีสงฆ์ในลังกามีความเป็นอยู่ต่อเนื่องกันมานานกว่าพันปี ก่อนที่จะถูกชาวต่างชาติรุกราน
ต่อมา ใน พ.ศ. ๙๗๖ คณะภิกษุณีสงฆ์จากลังการ ได้รับนิมนต์ไปบวชให้แก่สตรีชาวจีน ทำให้เกิดภิกษุณีสงฆ์จีนสืบสายมาจนทุกวันนี้
ภิกษุณีสงฆ์สายจีนนั้นได้แพร่หลายไปสู่ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศใกล้เคียง ศูนย์ที่สำคัญของภิกษุณีสงฆ์ปัจจุบันอยู่ที่ไต้หวัน และเกาหลี
ใน พ.ศ. ๒๕๓๑ วัดซีไหล ซึ่งเป็นวัดจีนในลอสแองเจลิส ได้จัดการบวชภิกษุณีถึง ๒๐๐ รูป เพื่อเป็นการสร้างเสริมภิกษุณีสงฆ์ให้กล้าแข็งขึ้น
ในช่วง ๒-๓ ทศวรรษที่ผ่านมา สตรีชาวพุทธได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในพระพุทธศาสนาทุกระดับ เมื่อพิจารณาว่าผู้หญิงมีจำนวนถึงกึ่งหนึ่งของประชากรโลก เรื่องนี้จึงเป็นแนวโน้มที่น่าจะเป็นไปได้ในการพัฒนาพระพุทธศาสนาโดยส่วนรวม
|