ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังหันมาให้ความสนใจ และจับกระแสการพัฒนาที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
“เหล้าเก่าในขวดใหม่” ไม่น่าจะเป็นเครื่องมือที่นำพาชุมชน
ไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาตามแนวทางที่เป็นทางเลือกนี้ได้อย่างแท้จริง
บทความนี้ได้รับการเรียบเรียงขึ้นจากการค้นคว้าเอกสารทางวิชาการ และมุมมองการวิเคราะห์ในเชิง
วิพากษ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฉายภาพการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐ และชุมชนในการนำนโยบายการ
พัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งมีสาระสำคัญ ๒ ส่วน โดยเริ่มจากการมองย้อนกลับไป อ่านต่อ
แนวคิดการพัฒนาที่เป็นทางเลือกและทางรอดใหม่ของสังคมไทยนี้คือ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งภาครัฐได้
น้อมนำแนวคิดการพัฒนาเชิงปรัชญาจากพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ไปกำหนดเป็น
แนวนโยบายในการพัฒนาประเทศเพื่อหลุดพ้นจากห้วงของภาวะวิกฤติ
การนำนโยบายการพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติที่ถือเป็นรากฐานสำคัญ
เป็นกลไกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง คือ ชุมชน ซึ่งภาครัฐได้ป้อนทั้งเครื่องมือ และทรัพยากร
ลงไปในหน่วยงานระดับปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างศักยภาพความเข้มแข็งให้กับชุมชน
ต่างๆ
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เชิงนโยบาย พบว่า การปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐ และ
ชุมชนในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติยังมีประเด็นต้องทบทวนและพิจารณาหาวิธีการปรับปรุงหลายประการ
สำหรับการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐ พบว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องทบทวนพิจารณาคือ ความเข้าใจ
ในวัตถุประสงค์ของนโยบาย โดยเฉพาะความเข้าใจในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การคิดริเริ่มหาหนทางและ
กิจกรรมที่เหมาะสมในพื้นที่ และการบริหารจัดการทรัพยากร เป็นต้น
ส่วนการปรับตัวของชุมชน พบว่า มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจมาจากประสบการณ์การเป็น
ผู้รับกิจกรรมการพัฒนา และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังพบประเด็นสำคัญที่ต้องทบทวน
พิจารณาคือ ข้อจำกัดเรื่องความเข้าใจวัตถุประสงค์ของนโยบาย โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ความ
เพียงพอของข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ ความคิดริเริ่ม และการรอพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอกชุมชน เป็นต้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา คือ ผู้กำหนดนโยบายได้พยายามปรับเปลี่ยนหน้าตาของนโยบายการ
พัฒนาสู่ความเข้มแข็งของชุมชนโดยการกระจายเงินไปยังชุมชนในแบบที่เคยทำมา ให้เป็นนโยบายการพัฒนา
ชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือเป็น
|